OS[JaeDo]Heart Road2
ณ ที่ๆใดที่หนึ่ง ที่ไม่อาจรับรู้ได้...แต่กลับดูคุ้นเคย...คุ้นเคยมากๆอย่างบอกไม่ถูก...
กลางป่าอย่างนั้นหรือ? นี่มันคืออะไรกัน...
แผ่นหลังกว้างของใครบางคนในชุดเกาหลีโบราณที่ดูหรูหราและสูงศักดิ์...ที่ยืนหันหลังให้กับเขา...ไม่เคยสักครั้งที่จะยอมหันหลังมา ... แต่หากกระนั้น...ขนาดมองเพียงด้านหลังแค่นี้เขาก็ช่างดูสง่างามเหลือเกิน...
“คุณ... คุณเป็นใครน่ะ...”
เขาไม่ยอมตอบหรือเอ่ยปากอะไรกลับมาสักนิด...แล้วเขาเป็นใครกัน แล้วที่นี่คือที่ไหน...
“ที่นี่คือที่ไหน แล้วจะให้ทางออกได้อย่างไร...คุณฮะ...อ๊ะ!!!!”
ทันใดนั้น แสงสีขาวสว่างวาบเข้าตาเด็กหนุ่มจนต้องหลบตาลง ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะเลือนลานและหายไป....
“!!!!!”
แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่คิม โดยอง จะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดในตอนกลางคืน...เพราะการฝันแบบนี้... ฝันซ้ำๆในสถานการณ์ในฝันเดิมๆ ที่เขาเองก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามันคืออะไร...
ไม่ได้มีความน่ากลัว...แต่หากกลับทำให้รู้สึกประหลาดใจทุกครั้ง... มันมีแต่คำว่าทำไม...และทำไม..
“คุณเป็นใครกันแน่นะ...”
ดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลที่บริเวณโต๊ะลิ้นชักที่ข้างหัวเตียง บอกเวลาตี5แล้ว...
ไหนๆก็เกือบจะเช้าแล้วก็ควรลุกเลยเสียแล้วกัน....
โดยองตัดสินใจจัดการจัดแจงเก็บที่นอนแล้วลุกเดินลงไปข้างล่างแทนที่จะนอนต่อ...เพราะเห็นอีกไม่นาน...ดวงอาทิตย์ก็จะขึ้นแล้ว...
“พี่กงมยอง!! เร็วๆหน่อยสิ ตื่นสายแล้วยังทำอะไรช้าอีก น้องจะเข้าเรียนคาบแรกไม่ทันแล้ว!”
เสียงคิม โดยอง ยืนโวยวายและพี่ชายตัวเองลงมาอยู่ตรงหน้าบันได โดยองยืนกอดอกหงุดหงิด กว่าคนพี่จะลงมาเขาก็คงจะเข้าเรียนสายอีกแน่ๆ
“น้องโดยองลูก...มาทานมื้อเช้าก่อนสิ แม่ทำของโปรดน้องไว้ด้วยนะ”
“ คุณแม่...ไม่ทันแล้ว น้องจะสายแล้ว ดูพี่สิ ตื่นสายอีกแล้วงี้น้องต้องเข้าเรียนไม่ทันอีกแน่ๆเลย นั่นไงพี่มาพอดีเลย”
คิม โดยองหันไปงอแงกับผู้เป็นแม่ ทันใดไหนผู้เป็นพี่ก็เดินลงบันไดบ้านมาพอดี พี่ชายของเขาวันนี้เซตผมเสียหล่อเลย แต่ไม่ให้อภัยหรอกนะที่ทำให้เขาต้องสาย
“มาแล้วๆ คุณแม่ครับอาหารเช้ามีอะไรทานบ้าง?”
“ไม่ต้องเลยนะพี่กงมยอง เราน่ะตื่นสายอีกแล้ว วันนี้น้องมีเรียนเช้าด้วย รีบพาน้องไปส่งได้แล้ว”
“โถ่...แม่ครับ...พี่ไม่ได้ตั้งใจจะตื่นสายนะครับเนี่ย พอดีเมื่อคืน..”
“เมื่อคืนพี่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆมาแล้วกลับดึก น้องเห็น!”
คนเป็นน้องเอ่ยฟ้องแม่ทันที ผู้เป็นพี่ทำเพียงยิ้มแห้งๆให้กับแม่ที่ยืนมองอยู่ คิม โดยองยักคิ้วใส่พี่ด้วยความหมั่นไส้...โดนแกล้งซะบ้างเป็นยังไงล่ะ..
“พี่นี่มันจริงๆเลยนะ ว่างไม่ได้ ว่างเป็นเที่ยวตลอด แม่จะตัดค่าขนมพี่ให้น้องดีมั้ย?”
“ดี! ดีเลยคุณแม่”
“นี่ตัวแสบ มากไปแล้ว ค่าขนมทุกวันนี้ก็เยอะอยู่แล้วยังไม่พอหรือไง นี่แน่ะ”
แก้มนุ่มสองข้างถูกดึงจนยืดออกจากกัน โดยองร้องโวยวายพลางตีแขนผู้เป็นพี่ที่ชอบแกล้งเขาอยู่เรื่อยๆ นิสัยไม่ดีจริงๆ
“ปล่อยน้องนะ!”
“ไม่ปล่อยจะทำไม..”
“หยุดทั้งพี่ทั้งน้องนั่นแหละ แล้วไปเรียนกันได้แล้ว!...”
กว่าจะพากันมาถึงมหาวิทยาลัยก็ใกล้จะ 8 โมงครึ่ง และแน่นอนว่ามันคือเวลาที่ใกล้จะเข้าคาบแรกของโดยองแล้ว... ร่างบางรีบเปิดประตูรถสะพายกระเป๋าเตรียมจะวิ่งทันที...
“เดี๋ยวน้อง!”
แต่ก็ดันถูกพี่กงมยองนั้นเอ่ยเรียกเอาไว้เสียก่อน จนแทบจะเบรกไม่ทันกันเลยทีเดียว..
“ว่าไงอ่ะ?”
“วันนี้น้องเลิกเรียนกี่โมง พี่จะได้มารับตรงเวลา”
“วันนี้หรอ..วันนี้น้องเลิกเรียนเท่าเมื่อวานเลย งั้นน้องไปก่อนนะสายแล้ว...”
ทันใดนั้นเจ้ากระต่ายน้อยก็รีบสะพายกระเป๋ากุลีกุจอวิ่งขึ้นตึกเรียนของคณะไปเพื่อที่จะให้ทันคาบเรียนแรกทันที... ไม่เช่นนั้นเกิดไม่ทัน อาจารย์ผู้สองจะต้องล็อคห้องไม่ให้เข้า ก็เท่ากับว่าคาบแรกที่กินเวลา3ชั่วโมงนั้น โดยองก็จะไม่ได้เรียนนั่นเอง...
“แฮ่กๆๆๆ”
ไม่รู้ว่าพระเจ้าช่วยไว้หรือเปล่าจึงทำให้คิม โดยองเข้าห้องเรียนทันพอดี ด้วยอาการที่กระหืดกระหอบหายใจแทบไม่ทัน อันเนื่องมากจากการวิ่งขึ้นบันได3ชั้นด้วยความเร่งรีบแบบสุดๆเมื่อครู่
“เกือบจะไม่ทันแล้วมั้ยล่ะโดยอง...”
เตนล์เอ่ยทักเพื่อนที่นอนฟุบลงบนโต๊ะเพื่อพักเหนื่อย โชคดีนะที่มาทันเวลาพอดีก่อนที่อาจารย์จะสั่งให้ปิดล็อคห้องไม่ให้ผู้มาสายเข้า
“แล้วทำไมถึงมาสายล่ะโดยอง”
เวนดี้เอ่ยถามเพื่อน ตอนนี้ท่าทางหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม คงจะเหนื่อยมากๆสินะเนี่ย...จริงๆเลย
“ก็...แฮ่ก..พี่กงมยองอ่ะดิ เมื่อคืนออกไปเที่ยว กลับเสียดึก พอเช้า แฮ่ก..ก็ดันตื่นสาย ฉันก็เลยพาลสายไปด้วยเนี่ย”
โดยองเอ่ยบ่นในขณะที่หอบไปด้วยเพราะว่าเขายังไม่ค่อยหายเหนื่อย...เวนดี้และเตนล์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนกระดาษเล็กที่เป็นโพสอิทสีชมพูจะถูกส่งมาให้คิม โดยอง
“อะไรอ่ะเตนล์?”
“โค้ดลับของพี่รหัสไง เขาให้จับฉลากกัน คนละใบ เพื่อจะเอาโค้ดลับไปตามหาพี่รหัสกัน... ก็โดยองมาสายอ่ะ ฉันเลยให้เวนดี้จับให้ ลองอ่านดิ โค้ดว่าไง...”
โดยองพยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆเปิดกระดาษโพสอิทใบเล็กที่ถูกพับเอาไว้ โดยมีเตนล์และเวนดี้สองเพื่อนรักคอยลุ้นไปด้วยอยู่ข้างๆ
“แอ้ะ!!”
“ย่าส์ คิม โดยอง!!”
เวนดี้โวยวายเมื่อโดยองแกล้งเปิดกระดาษแล้วก็ปิดทันทีด้วยความเร็ว เพื่อแกล้งเขาแล้วเตนล์ ตอนนี้เธอเสียงดังเสียงจนอาจารย์และเพื่อนๆในห้องต่างหันมามองที่เธอและเพื่อน เวนดี้จำต้องยิ้มแหยๆแก้เก้อใส่ไป
“เวนดี้อ่า...แค่นี้เสียงดังอ่อ...ฮ่าๆๆ”
“ก็เพราะโดยองนั่นแหละ เจ้ากระต่ายบ้า!”
ดูความคิม โดยองเถอะ...ยังมมาทำเป็นแลบลิ้นใส่เธออีก แต่แล้วในที่สุดโดยองก็ยอมเปิดโค้ดในมือแล้วอ่านให้เธอและเตนล์ฟัง...
“Everyone knows me. ”
โค้ดลับพี่รหัสของโดยองเป็นภาษาอังกฤษ แถมความหมายยังบอกว่า..'ทุกๆคนจะต้องรู้จัก'
“เดาไม่ยากเลยอ่ะโดยอง พี่เค้าต้องเป็นคนดังของคณะเราแน่ๆ”
ก็ถูกอย่างที่เตนล์พูด...หากถึงขนาดใบ้โค้ดลับว่าทุกคนรู้จักตนเองนั่นก็แสดงว่าชื่อเสียงในคณะก็คงไม่ได้ธรรมดาแน่ๆ
“คนดังคณะเราที่ดังจริงๆก็มีอยู่ไม่ถึง10คนอ่ะ”
เวนดี้ออกความเห็นบ้าง ดูเหมือนว่าเพื่อนรักทั้งสองของโดยองจะจริงจังกว่าตัวของโดยองอีกนะเนี่ย
“หรือว่าจะเป็นรุ่นพี่จุนมยอนประธานคณะปี2กันนะ”
เตนล์เสนอความเห็นคนที่น่าจะเป็นพี่รหัสของโดยอง ประธานคณะหรอ..ก็น่าจะเป็นไปได้ล่ะมั้ง คนที่เป็นประธานคณะส่วนใหญ่คนก็จะรู้จักกันโดยทั่วอยู่แล้ว....
“ไม่อ่ะ ฉันว่าจะต้องเป็นรุ่นพี่จูฮยอน ดาวคณะเราแน่ๆ สวยด้วย”
เวนดี้เสนอบ้าง ไม่แน่พี่รหัสโดยองอาจจะเป็นคนดังผู้หญิงก็ได้นี่นา.. ผู้หญิงคณะนี้สวยๆดังๆก็มีไม่น้อยเหมือนกัน
“เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นรุ่นพี่แจฮยอน เดือนคณะก็เป็นไปได้นะเว้ยยย”
คนดังของคณะคนที่สามที่ถูกเสนอชื่อขึ้นมา โดยนึกภาพออกพอดี เวลาที่มีการโปรโมทคณะมักจะมีภาพของคนนี้ๆ เรียกได้ว่า...เป็นภาพลักษณ์ของคระเราเลยก็ได้...
“จะเป็นใครก็ช่างเถอะเรียนได้แล้ว แล้วนี่ทั้งสองคนรู้พี่รหัสตัวเองแล้วอ่อว่าเป็นใคร?”
“หึ/ยังไม่รู้อ่ะ..”
เตนล์กับเวนดี้ส่ายหน้าไปมา... ก็ดูโค้ดลับของพวกเขาสิ เดายากจะตาย จะหาเจอหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่เหมือนกับของโดยอง ที่คงจะหาเจอภายในวันนี้แน่ๆ ให้ตายสิไหนล่ะความยุติธรรม...
15.00 PM.
“โดยองอ่า...ไปไหนต่อหรือเปล่า..?”
เตนล์เอ่ยถาม ในขณะที่โดยองกำลังเก็บสมุดบันทึกและปากกาที่ใช้เล็คเชอร์ลงกระเป๋าเป้ใบเก่ง...
“ไม่อ่ะ... เดี๋ยวพี่กงมยองมารับเลย”
“โถ่...ไม่ไปด้วยกันหรอ ว่าจะไปหาอะไรกิน มีเพื่อนๆไปต้องหลายคน ”
เวนดี้หันมาเอ่ยชวน จริงๆก็อยากไปอยู่แหละ แต่ว่านัดกับพี่กงมยองเอาไว้แล้วไงว่าโดยองเลิกเรียนแล้วจะกลับบ้านด้วยกันเลย...
“ไม่เอาหรอก...อ้วน...”
“ย่าห์!! ไม่คุยด้วยแล้ว ไปกันเถอะเตนล์ ปล่อยคนหุ่นดีเขาดูแลหุ่นเค้าต่อไป ไม่รู้เสียแล้วว่าการกินน่ะมันแฮปปี้ขนาดไหน เชอะ!!”
เวนดี้หลังโวยใส่โดยองเสร็จก็เชิ่ดหน้าชวนเตนล์เดินออกไปข้างนอกด้วยกันกับเพื่อนอีก4-5คนทันที โดยองมองตามอย่างขำๆ ก่อนจะโบกมือลาเตนล์...
Rrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้โดยองต้องเปิดกระเป๋าเป้แล้วหยิบอกมารับ และปรากฏว่าเป็นพี่ชายของเขานั่นเองที่เป็นคนโทรมา
“พี่โทรมาว่าไง?”
‘น้องเรียนเสร็จยังอ่ะ’
“น้องเรียนเสร็จแล้ว แล้วพี่ล่ะจะมารับน้องยัง?”
‘น้อง...พี่มีไรจะบอกแหละ พี่มีควิซท้ายคาบอ่ะ น้องไปเที่ยวไปอะไรกับเพื่อนก่อนก็ได้นะ’
เหมือนว่าผู้เป็นพี่จะบอกกับโดยองช้าเกินไปแล้วล่ะมั้ง...ตอนนี้เตนล์ เวนดี้และเพื่อนๆก็ออกกันไปหมดห้องแล้ว... แล้วโดยองจะไปกับใครเล่า!!
“งั้นไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวน้องไปอ่านหนังสือในห้องสมุดของคณะก่อนก็ได้ พี่เสร็จเมื่อไหร่ พี่ก็โทรมาบอกน้องด้วยนะ”
ในที่สุดโดยองก็สามารถหาทางออกให้กับตัวเองได้ การไปอ่านหนังสือในห้องสมุดของคณะก็ไม่เลวเท่าไหร่ เผลอๆ ถ้าฟลุ๊คเจอพี่รหัสด้วยก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีไปอีก....
ณ ห้องสมุดของคณะโบราณคดี ที่เต็มไปด้วยหนังสือต่างๆมากมายที่เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ทั้งในเกาหลีและประเทศอื่นๆทั่วโลก
โดยองรู้สึกมีความสุขที่รอบๆตัวของเขามีแต่สิ่งที่เขานั้นชอบไปหมด หนังสือทุกเล่มล้วนน่าอ่านจนเลือกไม่ถูกเลย แต่สุดท้ายโดยองก็สุ่มหยิบออกมาเล่มหนึ่งเพื่อมาอ่านระหว่างรอพี่ชายมารับ...
ในห้องสมุดของคณะตอนนี้ มีนักศึกษาหลายๆคนมานั่งอ่านหนังสือ บ้างก็มาหาข้อมูลไปเพื่อทำรายงาน มีทั้งนักศึกษาในคณะบ้าง ต่างคณะบ้างก็มีประปราย....
โดยองตอนนี้ก็กำลังเดินหาที่นั่ง... แต่ที่นั่งในห้องสมุดคณะมันก็ไม่ได้มีมากเท่าห้องสมุดใหญ่ประจำมหาวิทยาลัยเสียด้วยสิ
ทุกที่นั่งก็ล้วนมีคนนั่งอ่านหนังสือและจดข้อมูลทำรายงานทุกโต๊ะเลย แต่มีโต๊ะหนึ่ง ที่มีคนนั่งแค่คนเดียว โดยองคิดว่าตัวเองควรจะไปขอนั่งด้วยกันคนๆนั้นที่นั่งเพียงคนเดียวดีกว่า..
“ขะ...ขอนั่งด้วยได้มั้ยฮะ..”
“เชิญครับ..”
น้ำเสียงทุ้มตอบในขณะที่กำลังเปลี่ยนหน้าหนังสือที่กำลังอ่าน...ใบหน้าหล่อภายใต้กรอบแว่นเงยหน้าขึ้นมามองว่าใครเป็นคนขอนั่งด้วยนั้นเผอิญสบสายตาเข้ากับคิม โดยองอย่างพอดีโดยบังเอิญ...
ให้ตายสิ...นี่มันรุ่นพี่แจฮยอนที่เป็นเดือนคณะนี่...
เพียงชั่วขณะ...ที่คนทั้งสองสบตากัน ในตอนนี้โดยองรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์เลย...มันเหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้โดยองไม่สามารถละสายตาจากรุ่นพี่ตรงหน้าได้แม้แต่นิดเดียว...
จนกระทั่งเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองนั้นคงจะจ้องอีกฝ่ายนานเกินไปแล้ว โดยองตัดสินใจนั่งลงแล้วเปิดหน้าหนังสือที่หยิบมาอ่านแทน...
แต่พอมาตอนนี้เอาเข้าจริงๆก็เริ่มไม่มีสมาธิขึ้นมาเสียแล้วสิ....
จะถามดีมั้ยว่าเค้าใช่พี่รหัสของเราหรือเปล่า...แล้วทำไมถึงได้รู้สึกว่ากำลังถูกมองอยู่นะ... คิดไปเองแน่ๆ คิดไปเองชัวร์
ดวงตาคมเพ่งพินิศคนตรงหน้าที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่...ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าคง...ทำตัวไม่ถูก..
“เฮ้อ...”
โดยองถอนหายใจเบาๆกับตัวเอง วันนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้...อะไรๆก็เหมือนว่าไม่ได้ดังใจกับตัวเองไปเสียหมด ไหนจะหัวใจตอนนี้จู่ๆก็เต้นแรงขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุนั่นอีก....
บ้าจริง...นี่มันอะไรกัน..
คิดถูกหรือว่าคิดผิดที่มานั่งตรงนี้เนี่ย....
“รุ่นพี่ฮะ...”
นั่นไง...ในที่สุดโดยองก็เอ่ยเรียกไปแล้วจนได้...ทำไมเขาถึงไม่ยั้งปากตัวเองแล้วโพ่งเรียกออกไปแบบนั้น ทำไมกัน.. ตอนนี้โดยองเริ่มอยากจะบ้าตายกับตัวเองแล้วสิเนี่ย แล้วตอนนี้รุ่นพี่แจฮยอนเค้าก็ละสายตาออกจากหนังสือแล้วด้วย...
“ครับ...”
“คือ..คือว่า...รุ่นพี่...ใช่พี่รหัสของผมหรือเปล่า..”
โดยองส่งกระดาษโพสอิทที่ตนได้รับมากเพื่อนเมื่อเช้าให้กับรุ่นพี่ตรงหน้า แจฮยอนรับกระดาษใบนั้นมา ก่อนจะคลี่ออกแล้วเปิดอ่าน... ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา....อีกทั้งยังมองหน้าโดยองอีกด้วย...
“ครับ...”
..............................................
“ทำไมโดยองถึงเลือกที่จะเรียนคณะนี้ล่ะครับ...”
ตั้งแต่ที่ได้รู้กันแล้วว่าเป็นพี่รหัสน้องรหัสกัน และทำความรู้จักกันแล้วเรียบร้อย ทั้งแจฮยอนและโดยองเองนั้นก็ตอนพากันชวนกันคุย บางครั้งแจฮยอนก็เป็นคนชวนโดยองคุย และบางครั้งโดยองก็เป็นฝ่ายที่ชวนรุ่นพี่ที่นั่งฝั่งตรงข้ามคุย..ในตอนนี้ทั้งสองนั้นนั่งคุยกันแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงกว่าๆแล้ว...
“โดยองชอบเรื่องประวัติศาสตร์น่ะฮะ... ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่ชอบอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนสอบเข้ามหาลัยก็เลยเลือกคณะนี้ทันทีเลย แล้วรุ่นพี่ล่ะ ทำไมถึงเข้าคณะนี้..?”
เอาตามความรู้สึกของโดยองจริงๆ ในคราวแรกที่ได้เจอ โดยองคิดว่ารุ่นพี่ตรงหน้าจะเข้าถึงยากแล้วก็พาลให้รู้สึกเกร็งแล้วก็ทำตัวไม่ถูก แต่พอได้พูดคุยกันจริงๆจังๆ แจฮยอนนั้นกลับดูเป็นคนที่มีความอัธยาศัยดี....
น่าแปลก....
แปลกตรงที่ว่าไม่เคยเลยสักครั้ง ที่โดยองนั้นจะได้คุยกับรุ่นพี่คนนี้ แต่ว่า..คนที่เข้ากับคนอื่นได้ค่อนข้างยากเช่นเขาโดยเฉพาะกับคนที่อายุมากกว่าและพวกรุ่นพี่กลับเข้าหาและคุยกับจอง แจฮยอนได้ง่ายๆ ราวกับว่า...เคยรู้จักกันมาก่อน...
มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากจริงๆ และโดยองเองก็ไม่สามารถเข้าใจตัวเองได้เช่นกัน...
“คือ...คุณพ่อคุณแม่พี่ทำงานเกี่ยวกับด้านนี้น่ะ...พี่ก็เลยชอบ..แล้วก็ว่าคงจะเดินตามรอยคุณพ่อคุณแม่..”
“โหย..แบบนี้ดีจังเลย...”
โดยองเอ่ยพร้อมส่งรอยยิ้มให้คนตรงหน้า เขาก็ยิ้มตอบกลับมา...ยิ้มทั้งรูปปากทั้งสีหน้า และดวงตา...เมื่อได้เพร่งพินิศใบหน้าพี่รหัสของตนชัดๆก็พบว่าเขาเป็นคนที่หล่อมากๆจริงๆสมตำแหน่งเดือนคณะ แล้วก็คนดังของมหาวิทยาลัย …
อ่า....ให้ตายสิ หัวใจเต้นแรงอีกแล้ว...เป็นอะไรกันนักกันหนานะวันนี้..บ้าจริงๆ
แล้วก็เป็นคิม โดยองเสียเองนั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาอีกคนไปเสียก่อน ทำไมหัวใจของเขาต้องเต้นแรงด้วย แล้วทำไมที่หน้ามันต้องร้อนถึงขนาดนี้ แอร์ในห้องสมุดคณะโบราณคดีไม่ได้เสียใช่มั้ย....
ครืด~ ครืด~
เสียงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้ที่ถูกวางไว้บนโต๊ะนั้นสามารถช่วยโดยองให้หลุดพ้นจากอาการแปลกๆที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองได้เป็นอย่างดี โชคดีคือเขาได้ปิดเสียงไว้แล้วเพราะในห้องสมุดที่นี่ก็มีกฎ
เมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็พบว่าเป็นพี่กงมยองโทรมาและโดยองก็ไม่รอช้าที่จะกดรับ...
“พี่ทำควิซเสร็จแล้วเหรอ?”
‘เสร็จละ ตอนนี้น้องอยู่ไหนอ่ะ? ห้องสมุดคณะหรอ?’
“ใช่ๆ งั้นเดี๋ยวน้องออกไปรอข้างหน้าละกันนะ งือ งั้นแค่นี้อ่ะ”
‘คร๊าบบบบ’
โดยองกดวางสายจัดแจงจะเอาหนังสือเพื่อไปขอยืมบรรณาลักษณ์ที่ทำหน้าที่ดูแลห้องสมุด ....
ตอนนี้เขาคงต้องบอกลารุ่นพี่แจฮยอนตรงหน้าที่มีฐานะเป็นถึงพี่รหัสของเขาแล้วสินะ....สำหรับวันนี้...
“จะกลับแล้วเหรอครับ?”
แต่ก็เป็นรุ่นพี่แจฮยอนที่เป็นฝ่ายเอ่ยถามโดยอง ก่อนที่โดยองจะเป็นฝ่ายที่พูดอะไรออกมา...
“ใช่ฮะ ตอนนี้พี่ชายโดยองมารับแล้ว โดยองไปก่อนนะ... ไว้เจอกันนะฮะรุ่นพี่แจฮยอน เลี้ยงขนมโดยองด้วยนะ”
โดยองเอ่ยพร้อมสะพายเป้ มือข้างหนึ่งก็ถือหนังสือที่จะยืมบรรณาลักษณ์ห้องสมุด ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็โบกมือลาพี่รหัสของตน....
“ไว้เจอกันครับ...น้องโดยอง...”
ร่างบางเดินออกจากห้องสมุดไปแล้ว จนกระทั่งลับสายตา... จอง แจฮยอนจากที่มองตามแผ่นหลังบางของคนที่เดินออกไปก็หันกลับมาให้ความสนใจหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ต่อ...
เพียงแต่ว่า...ในเวลานี้หนังสือที่อ่านอยู่ซึ่งเป็นเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่เขาชอบ มันกลับไม่น่าสนใจเสียแล้ว ก็ในเมื่อ...อีกคนเมื่อครู่นี้ได้ดึงเอาความสนใจของเขาไปเสียหมด....
มือหนาตัดสินใจปิดเล่มหนังสือแต่ก็ไม่ลืมที่จะใช้ที่คั่นหนังสือมาคั่นหน้าที่อ่านค้างเอาไว้ แจฮยอนตัดสินใจแล้วว่าเขาจะนำหนังสือเล่มนี้กลับไปอ่านที่บ้าน....
ในหัวสมองของชายหนุ่มนั้นยังไม่สามารถหยุดนึกถึงใบหน้าน่ารักของคนที่เป็นน้องรหัสของตนได้.... ทุกสิ่งทุกอย่างของคนๆนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขา...
มานานแสนนาน....
ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มเบาๆกับตัวเอง ที่ยิ่งคิดถึง..ยิ่งมีความสุข มีความสุขไปทั้งหัวใจ...
“ในที่สุดก็ได้เจอกันเสียทีนะ....”
“น้องเป็นอะไรหรือเปล่า เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”
กงมยองเอ่ยทักเจ้าน้องชายตัวแสบที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ในขณะที่รถของเขานั้นกำลังติดไฟแดงอยู่ที่สี่แยก...
“หือ...พี่ว่าไงนะ?”
“พี่ถามน้องว่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เรื่องอะไรครับ?”
“ยิ้ม? น้องยิ้มเหรอ?”
คิม โดยองเอ่ยถามพลางเอามือแนบแก้มตัวเอง แก้มแดงๆ ที่มันแดงพร้อมๆกับตอนที่เจ้าตัวยิ้มนั่นแหละ
“ถ้าน้องไม่ได้ยิ้มพี่จะถามทำไมล่ะครับ? ตัวแสบ...”
“ก็วันนี้น้องเจอเรื่องดีๆมาอ่ะ”
“เรื่องอะไรล่ะ พอจะบอกพี่บ้างได้มั้ย?”
กงมยองเอ่ยถาม และยิ่งพอได้ยินเช่นนั้น โดยองก็อมยิ้มอีกรอบก่อนจะก้มหน้าก้มตา แก้มแดงๆนั่นก็แดงอีกแล้ว.... เป็นอะไรของเขานะ
“วันนี้น้องจับฉลากพี่รหัสด้วยแหละ แล้วตอนเย็นที่น้องไปรอพี่ที่ห้องสมุดน้องก็เจอพี่รหัสของน้อง...”
“ห๊ะ? พี่รหัสหรอ ผู้หญิง ผู้ชายล่ะ?”
กงมยองถามน้องชาย ในขณะนั้นไฟเขียวก็มาพอดี เขาจึงต้องออกรถไปด้วยเช่นกัน...
“ผู้ชาย...เขาคือ รุ่นพี่แจฮยอน ปี2 คณะน้อง..”
“อ๊อออออ แจฮยอน เดือนคณะโบราณคดี ที่หล่อๆ สาวๆชอบเยอะน่ะเหรอ”
กงมยองพยักหน้าเข้าใจทันทีที่ได้รู้ว่าพี่รหัสของน้องชายนั้นเป็นใคร คนๆนี้ใครก็รู้จักทั้งนั้น ก็เป็นคนดังของมหาวิทยาลัยนี่นา... ขนาดผู้หญิงคณะบริหารคณะเข้ายังชอบคนๆนี้เลย...
“แล้วนี่น้องก็ชอบแจฮยอนเค้าหรือไง? ถึงได้เอาแต่ยิ้ม เอาแต่แก้มแดงเวลาพูดถึงเขาน่ะห๊ะ?”
“เปล่านะ!!”
โดยองหันมาเถียงทันที จะบ้าหรือไง เขาเพิ่งเจอรุ่นพี่คนนี้แค่เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ความรู้สึกแบบนั้น่ะ ไม่มีหรอกนะ...ก็แค่...รู้สึกปลื้มนิดๆ ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ ทั้งเป็นคนดังของมหาวิทยาลัย ได้เพอร์เฟคขนาดนี้เป็นพี่รหัสเป็นใครไม่รู้สึกปลื้มปริ่มบ้างเล่า...
“ฮั่นแน่~~”
พี่ชายขี้แกล้งของโดยองก็ยังไม่ยอมหยุดแกล้งหยุดแย่ ไม่พอส่งนิ้วมาจิ้มมาชี้ที่แก้มของโดยองอีก แถมยังเอาแต่ล้อว่าเขาชอบรุ่นพี่แจฮยอนไม่หยุด แถม แซวว่าหน้าของโดยองแดงมากๆอีกด้วย ใครหน้าแดงกัน! ไม่เห็นจะหน้าแดงตรงไหนเลย!
16.00 PM.
กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เย็นพอดี โดยองเดินถอดร้องเท้าสวมสลิปเปอร์เดินหน้าบึ้งตึงเข้ามาในบ้าน ผู้เป็นแม่ก็เดินออกมาทันที...
“คุณแม่~”
“กลับมาแล้วเหรอลูก เป็นไงเหนื่อยมั้ย หิวหรือเปล่า”
ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายของเธอที่ตอนนี้หน้างอคอเง้า ถ้าจะให้เดา...ต้องอะไรสักอย่างมากับพี่ชายระหว่างทางกลับบ้านชัวร์...
“น้องไม่หิว คุณแม่ วันนี้พี่ล้อน้องด้วย...”
“หือ? พี่ล้อน้องเหรอ ล้อว่าไงคะ?”
“ล้อว่า....”
บ้าไปแล้ว....นี่แค่จะฟ้องแม่นะ ทำไมต้องรู้สึกว่าหน้าร้อนๆด้วย เพียงนึกถึงแค่ชื่อของคนที่เป็นตัวต้นเหตุให้ตัวเองต้องถูกพี่ชายล้อเพียงเท่านั้น ใบหน้าน่ารักของคิม โดยองก็ร้อนขึ้นมาทันที....
“น้อง..น้องไม่ฟ้องอะไรแล้ว...”
และคิม โดยองก็เดินเฉไฉขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที ทิ้งให้ผู้เป็นแม่นั้นงงว่าลูกชายคนเล็กของเธอนั้นเป็นอะไร แล้วทำไมถึงดูแปลกๆในวันนี้
แต่ก็นะ..ช่างเถอะ...คงจะไม่มีอะไรหรอก...
21.30 PM.
☺ Do10Dy Group ☺
-Doyoung Kim-
‘ทุกคนนนน’
‘ฉันรู้แล้วนะว่าพี่รหัสของฉันคือใคร อิอิ’
‘Sticker’
10 10 10
‘ครายยยย?’
Wendy Son_SW.♥
‘ใครไหนเล่า?’
10 10 10
‘Sticker’
-Doyoung Kim-
‘ได้รุ่นพี่แจฮยอนเป็นพี่รหัสอ่ะ...’
10 10 10
‘อะไรน๊าาาาาาา’
Wendy Son_SW.♥
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดด’
‘ไม่เจงงงงงงงง’
‘รุ่นพี่แจฮยอนของช้านนนนนนน’
-Doyoung Kim-
‘โทษทีนะเวนดี้อ่า...แต่มันคือเรื่องจริง’
‘เมื่อตอนเลิกเรียนฉันไปรอพี่กงมอยงที่ห้องสมุดคณะ’
‘บังเอิญเจอพี่แจฮยอนก็เลยถาม..’
‘พี่เค้าก็บอกว่าใช่..พี่เค้าคือพี่รหัสของฉัน’
‘และเป็นเจ้าของโค้ดลับนั่น..’
Wendy Son_SW.♥
‘โหยยยย ฉันล่ะอิจฉาโดยองจริงๆ’
‘เจอพี่รหัสเร็วไม่พอ พี่รหัสยังหล่อมากๆอีก’
10 10 10
‘นี่ๆ รุ่นพี่จุนมยอนประธานคณะเค้าบอกว่า’
‘ใครหาพี่รหัสเจอช้าที่สุด 4 คู่ท้ายจะโดนทำโทษ’
‘ส่วนใครเจอเร็วสุด3อันดับแรก จะได้รับรางวัลร่วมกับพี่รหัสด้วยนะ’
-Doyoung Kim-
‘จริงเหรอ ^0^’
‘Sticker’
Wendy Son_SW.♥
‘อิจฉาโว้ยยยยยย’
‘แล้วถ้าฉันหาพี่รหัสเจอเป็นคนสุดท้ายจะทำไงดี! TT’
‘Sticker’
10 10 10
‘ทำใจไงเว้นดี้ ฮ่าๆๆๆ’
-Doyoung Kim-
‘งือ...งั้นเดี๋ยวไปนอนก่อน ง่วงแล้ว...’
‘ขอให้เพื่อนๆเจอพี่รหัสเร็วๆและไม่โดนลงโทษ’
‘ฝันดี
’Wendy Son_SW.♥
‘Good night~’
10 10 10
‘ฝันดีนะโดยองงี่~’
ณ ที่เดิมที่แห่งใดแห่งหนึ่งที่ในคราวนี้แสนจะไม่คุ้นตาเอาเสียเลย เพราะว่าในคราวนี้...มันไม่เหมือนกันในทุกๆครั้ง แต่จะให้พูดว่าไม่คุ้นตาไปเลย...ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาได้อย่างเต็มปาก... อีกใจหนึ่งมันก็กำลังบอกว่าช่างคุ้นเคยเสียจริงๆ....
คิม โดยองเดินมาเรื่อยๆด้วยเท้าเปล่า และเขายังอยู่ในชุดนอน...และตอนนี้มันก็เป็นตอนกลางคืน...
ท้องฟ้าก็มืดไปเสียหมดจนไม่สามารถมองเห็นอะไร... ไม่มีแสงไฟ ไม่มีสิ่งใดที่จะนำพาให้โดยองหาทางออก...
มีเพียงแสงของดวงจันทร์ที่ส่องสว่างเต็มดวงอยู่บนท้องฟ้าเท่านั้น...ที่เป็นแสงสว่างนำทางให้กับคิม โดยองในเวลานี้...
โดยองเดินมาเรื่อยๆอย่างไร้ซึ่งจุดหมาย และเขาไม่สามารถรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ได้อย่างไร...
โดยองเดินมาเรื่อยๆ ด้วยทิศทางที่เขาเดาไปมั่วๆ จนมาพบกับที่แห่งหนึ่งที่คล้ายๆชุมชน...บ้านคนที่ปิดไฟทุกหลังแต่หากมีตะเกียงคบเพลิงไม้ไผ่อยู่หน้าบ้าน...ตะเกียงคบเพลิงไม้ไผ่ที่สมัยนี้หาดูได้ยากนัก...แต่ที่แห่งนี้ บ้านทุกหลัง มีอยู่หน้าบ้านหลังละ2-3 เลย... แถมตัวบ้านที่ชุมชนแห่งนี้ รูปแบบบ้านยังไม่ใช่บ้านสมัยปัจจุบันอีก...
ที่นี่มันที่ไหนกันแน่นะ....
“มีใครอยู่บ้างครับ...ได้โปรดช่วยบ้างผมที่ว่าที่นี่คือที่ไหน?”
“!!!!”
และแล้วโดยองก้องตกใจเมื่อพบเข้ากับสิ่งที่เรียกว่าคล้ายๆกองทัพก็ไม่ปราณ...
ชายร่างใหญ่ผู้หนึ่งแต่งตัวคล้ายคลึงกับแม่ทัพเกาหลีโบราณที่โดยองเคยเห็นภาพจำลองในหนังสือประวัติศาสตร์กำลังขี่ม้านำผ้คนมากมายที่ขี่ม้ามาเช่นกัน... บุคลลเหล่านั้นก็ยังแต่งกายคล้ายทหารเกาหลีโบราณเช่นกัน และคนเหล่านี้บังคับขี่ม้ามาทางเขาแถมยังไม่หลบจนโดยองนั้นต้องเป็นฝ่ายที่หลบเสียเอง....
โดยองหลบอยู่ข้างริมทาง พวกเขาทำเพียงขี่ม้าผ่านโดยองไป โดยทำราวกับว่ามองไม่เห็นโดยองเสียอย่างนั้น....
แต่ถึงเช่นไร...พวกเขาเหล่านี้ต้องช่วยบอกทางออกให้ได้แน่ๆ โดยองเชื่อว่าอย่างนั้น....
“พวกคุณ!!! พวกคุณ!!!! อย่าเพิ่งไปสิ! รอก่อน!! พวกคุณรู้หรือเปล่า! ทางออกที่นี่คือที่ไหน!!!”
โดยองพยายามที่จะตะโกนร้องเรียกคนพวกนั้นสุดเสียง แล้วก็พยายามที่จะวิ่งตาม และแน่นอนฝีเท้าม้าเร็วว่าฝีเท้าคน... แต่ถึงจะพยายามส่งเสียงเรียกให้ดังเช่นไร คนเหล่านั้นก็ไม่ยอมที่จะหันมามองที่เขาเลยด้วยซ้ำ ทำราวกับว่าไม่ได้ยินจริงๆ
จะบ้าหรือไง... อยู่ก็ไม่ได้ไกลมากขนาดนั้น แถมเขายังตะโกนเสียงดัง เป็นไปได้หรือที่พวกนั้นน่ะจะไม่ได้ยิน....
“แฮ่กๆๆๆ พวกคุณ...พวกคุณน่ะ...”
ในที่สุดคนพวกนั้นก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านหลังเล็กๆอยู่เกือบจะสุดหมู่บ้านเชียวล่ะ...
“เปิดประตู!!!!”
หลังจากที่พวกเขาเหล่านั้นหยุดม้าไว้หน้าบ้านหลังเล็ก ผู้ชายคนนั้นที่ร่างสูงใหญ่ ดูเหมือนเป็นแม่ทัพก็ลงจากหลังม้ามาก่อนจะตะโกนเสียเสียงดังให้คนข้างในเปิดประตู
ให้ตายสิ...ทำไมถึงน่ากลัวจังเลย....
และรอเพียงไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกมา...ภาพที่โดยองเห็นคือผู้หญิง...ไม่สิ นั่นผู้ชายต่างหาก รูปร่างที่ดูผอมบางในชุดเสื้อผ้าชาวบ้านเกาหลีแบบโบราณ เส้นผมสีดำขลับยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าที่มองเห็นเพียงมุมข้างนั้นก็ดูอายุไม่มาก และคนๆนั้นช่างดู....
คล้ายกับเขา...ไม่ว่าจะทั้งรูปร่างและหน้าตา
คนพวกนั้นคุยอะไรกับคนๆนั้นก็ไม่รู้...โดยองไม่สามารถได้ยินได้ เพราะเขาไม่ได้สนทนาด้วยน้ำเสียงอันดัง
“!!!!!!”
แต่แล้ว ภาพเหตุการณ์หลังจบบทสนทนาที่กำลังเกดขึ้นนั้นทำให้โดยองตกใจอย่างมาก.... ให้ตายสิ... เด็กหนุ่มคนนั้นกำลังถูกล็อคตัวโดยพวกที่คล้ายๆกับทหาร และคนที่เหมือนกับแม่ทัพก็เปิดขวดอะไรบางอย่างและกรอกของเหลวสีดำสนิทลงไปในปากของเด็กหนุ่ม
“ทำอะไรกันน่ะ!!!!! ทำไมต้องทำเค้า!!!”
โดยองรู้สึกสงสารเด็กคนนั้นที่กำลังกลืนกินสิ่งใดก็ไม่รู้ลงไป แต่ก็พอเดาได้ว่าไม่ต้องไม่ดีแน่ๆ
พวกทหารปล่อยร่างเด็กหนุ่มคนนั้นทิ้งลงพื้น และเขาก็แทบไม่มีแรงลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ...ก่อนที่คนพวกนั้นจะพากันขี่ม้าออกไปจากบริเวณ
โดยองเห็นดังนั้นก็คิดอยากที่จะเข้าไปช่วย ผู้ที่นอนอยู่บนพื้นแต่หากยังหายใจอยู่...
“คุณ! เป็นอะไรมากมั้ย อ๊ะ!!!”
จู่ๆโดยองก็รู้สึกชาไปทั่วทั้งร่างกาย ในขณะที่เขากำลังจะวิ่งเข้าไปช่วยอีกคนที่นอนอยู่บนพื้น ร่างกายของเขาก็ทรงตัวไม่อยู่ จนต้องล้มลงไปกองอยู่บนพื้นแทน...และตอนนี้โดยองก็มีสภาพที่ไม่ต่างไปจากเด็กหนุ่มคนนั้น...
“แค่กๆ”
เสียงไอรุนแรงจากเด็กหนุ่มที่ถูกทำร้ายนั้นไอออกมาพร้อมเลือด โดยองทำได้แค่มองเพราะเขาก็ไม่มีแรงที่จะลุกขึ้น และในขณะเดียวกันตอนนี้เขาก็รู้สึกเหมือนอยากจะไอ....
“แค่กๆ”
และสิ่งที่ตลกร้ายนั่นคือ...อาการของเขาไม่ต่างจากเด็กหนุ่มผู้นั้น...
โดยองแน่นไปทั้งหน้าอก ร่างกายก็ชาไปหมด ไม่มีเรี่ยวแรงและยังไอออกมา...เป็นเลือด
“นี่....นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!”
พลันทันใดนั้น โดยองก็ต้องพบกับสิ่งที่น่าตกใจอีกครั้ง เมื่อเด็กหนุ่มผู้นั้น ผินใบหน้ามาทางเขาและจ้องมองมา...
“!!!!!!”
ทุกๆอย่างที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีสิ่งใดที่ต่างจากเขานอกจากเครื่องแต่งกายและทรงผม....ราวกับว่า...โดยองและคนที่อยู่ตรงหน้านั้นคือคนๆเดียวกัน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรแน่!!
“!!!!!!!!!!!!!!!”
โดยองสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกอีกครั้งกับฝันประหลาดๆที่มักต้องประสบพบเจอทุกคืน...ร่างกายของโดยองนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อทั้งที่อุณภูมิในห้องจากเครื่องปรับอากาศค่อนข้างต่ำ
“แฮ่กๆๆ”
ร่างบางหอบหายใจ....เหตุการณ์เมื่อครู่ตั้งแต่เริ่มมันเหมือนว่าโดยองได้รับความรู้สึกนั้นจริงๆ
ความรู้สึกทรมานราวกับว่ากำลังจะขาดใจตาย...และมันก็ช่างน่ากลัวเหลือเกิน...
“ฮึก....”
โดยองรู้สึกทั้งกลัวทั้งเครียดจนเขานั้นถึงกับต้องร้องไห้ออกมา เขาไม่อยากจะฝันบ้าๆแบบนี้ และเขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และเพราะอะไร....
‘ก๊อกๆๆ’
“พี่...พี่...ฮือ..”
โดยองร้องไห้แล้วเดินออกมาจากห้องพร้อมหมอนหนึ่งใบมาเคาะที่ประตูหน้าห้องของพี่ชายที่อยู่ข้างๆ
เพียงไม่นานเกินรอ....ผู้เป็นพี่ก็เปิดประตูห้องออกมา...
“งืม...ว่าไงอ่ะ...เฮ้ย!! น้อง! ร้องไห้ทำไม?”
คิม กงมยองจากที่ตื่นขึ้นมาทั้งงัวเงีย ทั้งสะลึมสะลือ แต่พอเปิดประตูออกมาเห็นน้ำตาของน้องชายที่ไหลอาบไปทั่วดวงหน้าเขาก็ตื่นเต็มตาทันที....
“ฮึก...พี่ น้องกลัว..ฮือ...น้องกลัว...ฮือ....”
โดยองโผเข้ากอดร่างสูงของพี่ชายทันที เขาร้องไห้ออกมาในขณะที่ในสทองนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะลืมเหตุการณ์ในความฝันเมื่อครู่ได้...มันน่ากลัวและเลวร้ายมากเกินไป...
“น้องเป็นอะไร ค่อยๆพูดนะ เข้ามาในห้องพี่ก่อน...”
“ฮึก...ฮือ....”
ผ่านไปเกือบจะ10นาทีเห็นจะได้ กว่าที่คิม โดยองนั้นสงบสติอารมณ์ลงได้ กงมยองส่งแก้วน้ำเปล่าให้น้องชายที่เพิ่งหยุดร้องไห้อย่างหนักดื่ม
“กินน้ำซะนะ แล้วค่อยๆเล่าให้พี่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น”
โดยองรับแก้วน้ำเปล่ามาก่อนจะค่อยๆดื่ม เขาร้องไห้เสียใจเริ่มปวดหัว แถมปากคอก็แห้งไปหมด...
“น้อง...น้องฝันร้าย..”
“ฝันว่าอะไร?”
โดยองใช้เวลาในการเรียบเรียงเรื่องราวความฝันและเล่าให้พี่ชายฟัง กงมยองถึงกับใช้มือขวาลูบขนแขนตัวเอง...แค่ฟังดูก็ดูประหลาด และน่ากลัวแบบแปลกๆแล้ว แล้วนี่น้องชายเขาเป็นผู้ต้องเผชิญกับมันเอง ไม่แปลก...ไม่แปลกเลยสักนิดที่โดยองจะร้องไห้ขนาดนั้น....
“น้อง..ตั้งแต่เด็กๆแล้วนะที่น้องฝันอะไรประมาณนี้”
ใช่....เป็นอย่างที่กงมยองบอก...โดยองฝันเห็นอะไรแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่เขานั้นอายุเพียง 12 ปี...จนกระทั่งก็ผ่านมาหลายปีก็ยังฝัน แต่สิ่งที่ผ่านมาที่เขาเคยฝันมันไม่ได้ร้ายแรงแบบนี้...
เขาเพียงแค่ฝันเห็นใครคนหนึ่ง... ใครคนนั้นเขาแค่ทำให้โดยองมองเห็นจากข้างหลัง และเขาไม่เคยทำร้ายโดยอง...ไม่เคยทำให้โดยองกลัว...
“น้องยังฝันเห็นเขาอยู่ใช่มั้ย...”
“ใช่...แต่วันนี้น้องไม่ได้ฝันถึงเขานี่...มันน่ากลัว น่ากลัวกว่าตั้งเยอะ...”
ยิ่งพูดยิ่งอยากจะร้องไห้เสียอีกรอบ ภาพเหตุการณ์เลวร้ายนั้นยังวนเวียนในโสตประสาทของโดยอง
ราวกับว่า....มันเคยเกิดขึ้นในชีวิตของโดยองจริงๆ
“น้องไม่อยากฝันอะไรแย่ๆแบบนี้..”
“เอาเถอะๆ นี่ก็ดึกมากแล้ว น้องนอนกับพี่ก็แล้วกันนะ จะได้สบายใจ อยู่ข้างๆพี่จะได้ไม่ฝันร้าย พรุ่งนี้น้องต้องตื่นแต่เช้านี่นา...นอนเนอะ...”
เพราะนี่ก็เป็นเวลาที่ค่อนข้างจะดึกมากแล้ว และพรุ่งนี้ทั้งกงมยองและโดยองนั้นก็มีคาบเรียนตอนเช้าเหมือนกันทั้งคู่... และมันก็ได้เวลาสมควรนอนแล้วด้วย...
..................................
“เฮ้อ....”
คิม โดยองนั่งถอนหายใจในห้องเรียนมากว่าเกือบสองชั่วโมงแล้ว... เสียงของอาจารย์ประจำภาควิชาที่เอ่ยเรื่องราวที่จำเป็นจะต้องเลคเชอร์ลงในสมุดบันทึกนั้น ไม่ได้เข้ามาในหัวของโดยองเลยแม้แต่นิด....
ภาพความฝันแสนน่ากลัวเมื่อคืนต่างหาก...ที่ทำให้โดยองไม่มีกระจิตกระใจจะเรียนหนังสือ แม้ะไม่อยากคิด แต่มันก็อดไม่ได้...
หรือว่าเขาจะควรไปพบจิตแพทย์บ้างดี....
ความคิดนี้ไม่ใช่ว่าคิมโดยองจะไม่เคยทำ... โดยองเคยไปพบจิตแพทย์ตอนอายุ 15 เห็นจะได้ กับไอ้เรื่องฝันประหลาดๆ กับผู้ชายคนนั้นที่เห็นแค่เพียงด้านหลัง... แต่คำตอบที่ได้รับจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ได้มีอะไรบ่งบอกว่าจิตใจและอารมณ์ของโดยองจะผิดปกติอะไร... คำตอบทางวิทยาศาสตร์...ที่แทบจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับชีวิตเลยก็ว่าได้....
“โดยอง...ไม่จดเหรอ...”
เมื่อเห็นว่าอีกประมาณ10นาทีจะหมดคาบแล้ว เวนดี้บังเอิญหันมาเห็นโดยองนั้นนอนฟุบใบหน้าลงกับโต๊ะเลคเชอร์ แถมในสมุดหน้าที่ต้องจดก็แทบจะไม่มีอะไรเลยจึงเอ่ยถามขึ้น...ปกติคิม โดยองขยันจะตายแล้วทำไมวันนี้ถึงไม่ยอมจดอะไรเลยนะ...
“งือ...เวนดี้ เย็นนี้ช่วยส่งเลคเชอร์มาให้ลอกในไลน์บ้างดิ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลย...”
“ย่าห์...นี่คงไม่อยากสอบตกหรอกถูกมั้ย โดยอง”
“ถ้าอยากสอบตกจะให้เวนดี้ถ่ายเลคเชอร์ส่งให้มั้ยเล่า”
เวนดี้ส่ายหน้าไปมาก่อนจะกลับมาสนใจในการเลคเชอร์ต่อ ปล่อยให้โดยองนั้นนอนต่อไปแบบนั้น เพราะอีกนิดเดียวก็คงจะหมดคาบแล้ว ให้มาเร่งจดตอนนี้ก็คงไม่ทัน แล้วก็คงต้องจดย้อนหลังอย่างเดียว....
14.30 PM.
เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ นักศึกษาในทุกคณะของมหาวิทยาลัยนั้นจะต้องมีการเข้าชมรม...
คิม โดยองและเพื่อนๆเองก็สมัครชมรมไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่อาทิตย์แรกของการเปิดเทอม โชคดีที่ว่าเวนดี้นั้นมีลูกพี่ลูกน้องเรียนคณะนี้และเป็นถึงรองประธานชมรม จึงให้ลูกพี่ลูกน้องของเวนดี้ช่วยลงชื่อสมัครเอาไว้ล่วงหน้า ไม่เช่นนั้น โดยองเองคงจะอดเข้าชมรมที่มีคนอยากเข้ามากที่สุดในคณะ...
“โดยอง เวนดี้อ่ะ”
เตนล์ที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำมาถามหาเพื่อนอีกคนในกลุ่ม โดยองที่นั่งดูดน้ำผลไม้ปั่นรอเพื่อนๆทั้งสองของตนจึงต้องตอบคำถาม
“ไปเติมหน้าอ่ะ..”
“วุ๊! ยัยนี่นี่! จริงๆเชียว จะหมดวันอยู่แล้วเนี่ย ยังจะมาห่วงสวย...”
เตนล์เอ่ยบ่น ก่อนจะเก็บข้าวของลงกระเป๋า
“เอ้อ! นี่โดยอง ซื้อขนมยังอ่ะ เดี๋ยวเข้าชมรมจะไม่มีอะไรกิน”
“ยังอ่ะ ไม่ค่อยหิวเลย..”
เตนล์เอาแต่บ่นๆๆๆ แล้วก็บ่นใส่เพื่อนของตัวเองทั้งสองก่อนจะวางกระเป๋าฝากไว้กับโดยองแล้วเดินไปซื้อขนมที่ร้านค้าก่อนเข้าชมรม...
ก็คนมันไม่หิวนี่นา..ก็เลยไม่ค่อยอยากกินอะไร แค่นี้ทำไมเตนล์ถึงไม่เข้าใจโดยองบ้าง....
ในระหว่างที่โดยองกำลังนั่งรอเตนล์และเวนดี้ โดยองนั่งรออยู่ที่ม้านั่งที่ประจำเพียงคนเดียว ณ บริเวณนั้น..เพราะว่านักศึกษาคนอื่นๆพากันไปเข้าชมรมของตัวเองกันหมดแล้ว ก็คงจะเหลือแค่กลุ่มของพวกเขาทั้งสามคนนั่นแหละมั้งทั้งมหาวิทยาลัย...
พลันดวงตากลมก็เหลือบไปเห็นว่า ณ ที่ตรงนี้นั้นไม่ได้มีแค่คนๆเดียว..แต่ยังมีคนอยู่ด้วย...
สิ่งที่โดยองกำลังเห็นนั่นคือคุณยายแก่ๆคนหนึ่งแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าแสนเก่า กำลังยืนกวาดใบไม้อยู่บริเวณถนนสัญจรในมหาวิทยาลัย...คงจะเป็นหนึ่งในภารโรงของที่นี่สินะ...
แต่ทำไมกัน..ทั้งๆที่ก็ดูอายุมากแล้ว แถมยังดูไม่ค่อยมีแรงเหมือนกันคนที่ยังไม่อายุเยอะ แต่คุณยายก็ต้องมาทำงานเหนื่อยๆแบบนี้...น่าสงสารเสียจริง ทำไมลูกหลานถึงได้ไม่ดูแลคุณยาย ทำไมถึงปล่อยให้ลำบาก..
เหงื่อกาฬจากแดดร้อนๆของวันท่วมกายหญิงชราอย่างน่าสงสาร จนโดยองรู้สึกสงสารและทนที่จะมองไม่ไหว เขานึกได้ว่าในกระเป้าเป้มีขวดน้ำดื่มที่พกมาและมันยังไม่ถูกเปิดดื่ม ร่างบางจึงตัดสินใจลุกจากที่นั่งและนำน้ำดื่มไปให้หญิงชราที่กำลังทำงานแสนเหน็ดเหนื่อยท่ามกลางอากาศร้อนๆนั่น....
“คุณยายฮะ...น้ำฮะ... ดื่มน้ำนั่งพักเสียหน่อย อากาศตอนนี้ร้อนมากเลย...”
โดยองเอ่ยด้วยความเป็นห่วง หญิงชราใช้หลังมือปาดเหงื่อตัวเองออกก่อนจะส่งยิ้มให้เด็กหนุ่ม
“ให้ยายเหรอลูก..ขอบใจมากนะ...”
โดยองอาสาเปิดน้ำให้โดยไม่รอให้ผู้สูงอายุตรงหน้าเอ่ยข้อแล้วส่งให้หญิงชราดื่ม...เมื่อดื่มน้ำแก้กระหายและดับความร้อนแล้ว หญิงชราถึงได้หันมาพูดกับโดยองบ้าง...
“หนูเป็นเด็กดีจังเลย...ขอบใจมากๆอีกครั้งนะ”
“ฮะ...”
“เอางี้สิ...ให้ไหนๆก็ไหนๆ ให้ยายทำอะไรตอบแทนหนูหน่อยนะ...”
โดยองเลิกคิ้วแล้วส่ายหน้าทันที.... ก็นี่มันเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่จำเป็นเลยสักนิดที่จะต้องมีการตอบแทนกัน... โดยองก็ไม่ได้หวังจะได้อะไรคืนอยู่แล้ว....
“เถอะนะ...ถือว่าเห็นแก่ยาย...”
เมื่อเห็นแววตาขอร้องจากหญิงชราตรงหน้า โดยองถึงได้ยอมใจอ่อนและพยักหน้ารับตกลง มือขาวข้างหนึ่งถูกมือเหี่ยวย่นทั้งสองข้างจับให้แบบมือ...ดวงตาของหญิงชราเพ่งไปที่ฝ่ามือและเส้นต่างๆบนมือของโดยองอย่างตั้งอกตั้งใจ..
“คุณยาย...ดูดวงให้ผมหรอฮะ?”
หญิงชราไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่ก็ยังคงพยายามที่จะเพ่งพินิจเส้นและลายมือของโดยอง และขมวดคิ้วไปมาก่อนที่จะกระตุกรอยยิ้ม...แล้วปล่อยมือออกจากมือโดยอง..
“สิ้นสุดการรอคอยแล้วนะหนู...ความทุกข์ทรมานที่ผ่านมากำลังจะหมดไป และสิ่งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นล้วนเป็นความสุขของโชคชะตาที่พัดพามา...”
คำพูดคำจาของคุณยายฟังดูแปลกๆและไม่เข้าใจ แต่ก็ดูแฝงความหมายบางอย่าง... คิ้วสวยขมวดมุ่นพยายามคิดตามคำพูดของคุณยาย...
เสียงเรียกของเตนล์ทำให้โดยองต้องหันไปมอง ก็เห็นว่าตอนนี้เตนล์ยืนอยู่ข้างๆเวนดี้...มองมาที่เขาอยู่...
จริงสินะ...แค่นี้พวกเขาก็สายชมรมมากแล้ว....
เมื่อหันมาอีกที โดยองก็ต้องพบกับความตกใจ เพราะภาพตรงหน้าคือความว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่างของหญิงชราคนเมื่อครู่ที่ควรจะยืนอยู่...
โดยองรีบวิ่งไปหาเตนล์และเวนดี้ที่ยืนรออยู่ หัวใจเองก็เต้นแรงไปด้วย...
แล้วเมื่อครู่นี้ล่ะ...เขาคุยอยู่กับใครกัน...
.......................................................
ตั้งแต่เข้ามาถึงยังสถานที่ของชมรม โดยองเองก็ไม่ค่อยรู้สึกอยากจะทำอะไรเท่าไหร่นัก...จากที่ว่ากำลังวิตกกังวนอยู่กับเหตุการณ์จากความฝันในเรื่องมาคืนแล้ว...เหตุการณ์ประหลาดๆ เมื่อครู่นี้ยิ่งทำให้โดยองรู้สึกวิตกลงไปมากกว่าเดิมอีก...
โดยองไม่กล้าที่จะเล่าเรื่องที่ได้พบเจอมาสดๆร้อนๆเมื่อครู่นี้ให้ใครฟังด้วยซ้ำ กับเตนล์และเวนดี้ก็ยังไม่กล้าเลยสักนิด... ถ้าถามว่ามันน่ากลัวหรือไม่ แน่นอนว่าน่ากลัวมากๆ...แต่นี่...มันกลางวันแสกๆ มันมีหลายปัจจัย บางทีทุกอย่างก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราได้เห็นเสมอไป...
แต่ว่า...เรื่องที่คิม โดยองได้พบมันก็ยากที่จะอธิบายอยู่เหมือนกัน...
ถ้าบอกคนอื่นไปจะถูกหาว่าบ้ามั้ยเนี่ย....
“สิ้นสุดการรอคอยแล้วนะหนู...ความทุกข์ทรมานที่ผ่านมากำลังจะหมดไป และสิ่งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นล้วนเป็นความสุขของโชคชะตาที่พัดพามา...”
คำพูดของคุณยายยังคงวนเวียนอยู่ในสมองโดยองและไม่สามารถลืมได้...มันฟังดูอาจจะไม่เข้าใจแต่มันก็มีความกำกวมแปลกๆจริงๆ
หมายถึงอะไรกันแน่นะ...
แล้วนี่....ถ้าบอกใครไปเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนจะไม่หาว่าโดยองบ้าใช่มั้ย...?
“เอาล่ะค่ะน้องๆทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าชมรมเรื่องราวประวัติศาสตร์อีกเช่นเคยนะคะ...วันนี้ก็อีกเช่นเคยค่ะ รุ่นพี่ปี2ก็มีเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่หลายๆคนไม่ค่อยรู้มาเล่าให้น้องๆฟังกัน และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันค่ะ และสำหรับรุ่นพี่จะมาเล่าในวันนี้นะคะ เป็นถึงประธานชมรมของเราเชียวนะคะ ฉะนั้น...ขอเสียงปรบมือให้พี่แจฮยอนค่า~”
รุ่นพี่อิม นายอนปี2ที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรประจำของคณะ และของชมรมนี้กล่าวต้อนรับทุกคนเข้าชมรมเล็กน้อย ก่อนจะเชิญให้แจฮยอน ที่จะมาทำหน้าที่เล่าเรื่องราวให้ชุมนุมในวันนี้ เมื่อกล่าวจบเสียงปรบมือของน้องๆและคนอื่นๆก็รัวให้เพื่อเป็นการต้อนรับจอง แจฮยอน บ้างมีเสียงกรี๊ดจากนักศึกษาสาวๆบ้าง
และนั่นก็สามารถเรียกสติให้คิม โดยองที่กำลังเหม่อและจมอยู่ในความคิดของตัวเองได้อย่างดี...
ก็แน่แหละ...รุ่นพี่แจฮยอนคือพี่รหัสเขานี่นา....
ผ่านไปเกือบประมาณ10นาทีของเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของรุ่นพี่แจฮยอนที่ทุกคนนั้นล้วนพากันตั้งใจฟังรวมทั้งคิม โดยองด้วย... ความจริงเรื่องนี้โดยองเหมือนจะเคยรู้ผ่านๆมาบ้างแต่อาจจะไม่รู้ละเอียดเท่าที่พี่รหัสกำลังเล่าอยู่...
“หลังจากที่ดงยองตาย...องค์ชายรัชทายาททรงโศกเศร้าเสียใจอยู่เป็นเวลานานเกือบอาทิตย์...ว่ากันว่า...ไม่มีวันไหนเลยที่พระองค์ ไม่ทรงกรรแสง และไม่ยอมเสวยพระกระยาหาร.. จวบจนกระทั่งผ่านไป1อาทิตย์พอดี ในค่ำคืนหนึ่ง องค์ชายรัชทายาทก็ทรงปลงพระชนม์พระองค์เอง... โดยใช้มีดดาบประจำกายของพระองค์กรีดลงบนเส้นเลือดใหญ่ที่บริเวณข้อมือและปล่อยให้โลหิตไหล.. หากแต่พระองค์..มิได้ทรงสิ้นพระชนม์เพราะโลหิตไหลออกจากกายจำนวนมาก แต่เพราะความเสียพระทัย จึงทำให้องค์ชายรัชทายาทนั้นเกิดอาการที่..ถ้าหากเป็นสมัยนี้ก็คงจะเรียกว่า ตรอมใจตาย...มีการเล่ากันต่อมาอีกว่าก่อนสิ้นพระชมน์องค์ชายรัชทายาทได้ทรงอธิษฐานให้ได้กลับมาครองรักกับดงยองอีกครั้งในชาติต่อไป...."
เรื่องราวความรักต้องห้ามที่เกิดขึ้นในราชวงศ์โครยอสมัยโบราณฟังดูแล้วแสนสะเทือนใจเหลือเกิน...ชนิดที่ว่านักศึกษาสาวๆหลายๆคนต่างก็อินและร้องไห้ไปกับเรื่องราวเรื่องนี้ที่ถ่ายทอดผ่านการเล่าเรื่องโดยรุ่นพี่แจฮยอน...
น่าแปลกจัง...
เรื่องราวที่รุ่นพี่แจฮยอนเล่า....โดยองสามารถนึกภาพตามได้เป็นฉากๆโดยเฉพาะในช่วงเหตุการณ์ที่คนรักขององค์รัชทายาทนั้นถูกลอบฆ่า...มันช่างคล้ายๆกับ...
ความฝันของโดยองเมื่อคืนนี้....
“ครับแล้วนี่ก็เป็นเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่พี่ได้นำมาเล่าให้น้องๆฟัง ยังไงก็ขอบคุณนะครับ...ที่ฟังกันจนจบ”
รุ่นพี่แจฮยอนเอ่ยก่อนจะโค้งให้ทุกคน เสียงปรบมือดังตามมาเช่นกัน โดยองมองตามรุ่นพี่ตรงหน้าที่มีสถานะเป็นพี่รหัสของตนเองไม่วางตา...เขาเองก็ใม่รู้เช่นกันว่าทำไม
“โถ่....น่าสงสารองค์ชายกับดงยองจังเลย...ว่ามะโดยอง”
เตนล์เอ่ยขึ้นกับเวนดี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อได้รับฟังจุดจบเรื่องราวอันแสนโศกเศร้า พร้อมเพื่อนๆปี1คนอื่นๆที่แสดงความเห็นด้วยเป็นเนืองนิตย์...
“รุ่นพี่คะ แล้วหลังองค์ชายรัชทายาทสิ้นพระชมน์เกิดอะไรขึ้นคะ”
นักศึกษาสาวคนหนึ่งเอ่ยถาม และแน่นอนว่ารุ่นน้องในคณะคนอื่นๆก็อย่างรู้ด้วยเช่นกัน...
“นั่นก็เป็นเรื่องที่สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับชาวโครยอในสมัยนั้นครับ โดยเฉพาะองค์ราชันย์และพระชายา เนื่องด้วยเหตุนี้ จึงต้องรออีกหลายปี เพื่อให้องค์ชายสองนั้นเติบโตและขึ้นครองราชย์แทนองค์ชายรัชทายาทครับ”
“แล้วก็เป็นที่มาที่ว่าให้ยกเลิกการคลุมถุงชนในสมัยนั้นด้วยใช่มั้ยครับ”
เตนล์ยกมือถาม ในขณะที่โดยองที่นั่งข้างซ้ายมือใกล้ๆกลับเอาแต่นั่งนิ่งไม่หือไม่อืออะไรตั้งแต่ที่รุ่นพี่คนหล่อเล่าเรื่องนี้...
“ใช่แล้วครับ...”
โดยองเองก็ยังคงนั่งเงียบงันดังเช่นเดิม...มีอยู่ครู่หนึ่งที่รุ่นพี่แจฮยอนนั้นมามองเขา แต่มันก็แค่ครู่เดียว ก่อนที่เจ้าตัวนั้นจะหันไปตอบคำถามนักศึกษาปี1คนอื่นๆต่อ..
โดยองตอนนี้รู้สึกแปลกกับตัวเองอย่างบอกไม่ถูก หัวใจของเขาจู่ๆก็เต้นแรงขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ภายในใจนั้นก็รู้สึกว่าพะว้าพะวงอย่างไรก็ไม่รู้..และไม่สามารถอธิบาย...
จวบจนกระทั่งโดยองก็ตัดสินใจที่จะถามคำถามอะไรบางอย่างกับพี่รหัสของตน...
“รุ่นพี่ฮะ แล้วอย่างนี้องค์ชายรัชทายาทเขาจะจำคนรักแล้วก็เรื่องราวในอดีตชาติของตัวเองได้อย่างที่ขอไว้ก่อนสิ้นพระชนม์หรือเปล่าฮะ”
โดยองเองก็ไม่สามารถที่จะบอกได้เช่นกัน ว่าทำไมตัวเองถึงได้ถามคำถามประหลาดๆนี่ออกไป แถมยังเป็นคำถามที่ดูออกจะไร้สาระเสียด้วยซ้ำ แต่รุ่นพี่แจฮยอนหันมาสบตาเขา ทำเอาซะโดยองเกือบจะทำตัวไม่ถูกเลย เขายกยิ้มที่มุมปากและยังคงมองหน้าโดยองอยู่แบบนั้น ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามกลับมา
“ไม่รู้สิครับ...แต่ว่า..อาจจะจำได้ก็ได้นะ...”
จำได้อย่างนั้นหรอ....เรื่องการระลึกชาติได้นี่มันเป็นไปได้จริงหรอ?
แล้วสิ่งที่โดยองพบเจในความฝันที่ผ่านมา มันเป็นการระลึกชาติหรือเปล่านะ....
“จะบ้าหรือไงโดยอง รุ่นพี่แจฮยอนไม่ใช่องคายรัชทายาทนะ จะไปรู้ได้อย่างไรกัน ใช่มั้ยฮะรุ่นพี่?”
เตนล์หันไปเอ่ยกับแจฮยอน ซึ่งเจ้าตัวก็ทำเพียงหัวเราะหึ..เบาๆเท่านั้นก่อนจะเสหน้ามองไปทางรุ่นน้องคนอื่นแล้วตอบคำถามต่อ....
ก็นั่นแหละ....อย่างที่เตนล์บอก...เขาอาจจะแค่คิดมากแล้วก็ไร้สาระไปเองจริงๆนั่นแหละ...
15.50 PM.
“พี่ยังไม่มารับกับบ้านอีกหรือไงครับ...”
แจฮยอนเอ่ยทักน้องรหัสที่นั่งรออยู่ เขาเองก็เพิ่งจะเสร็จจากการประชุมคณะเรื่องของสายรหัส กว่าจะเสร็จก็เลิกเรียนแล้ว แต่คิม โดยองยังไม่ได้กลับบ้านเลย...
“ฮะ..ยังไม่มาเลย”
“อ่ะ...ขนม พี่ซื้อมาให้...”
แจฮยอนยื่นถึงขนมมาให้โดยอง เจ้าตัวยังไม่ลืมสัญญาที่บอกว่าจะเลี้ยงขนมโดยอง แต่เจ้าตัวก็ทำเพียงเอ่ยขอบคุณแล้วส่งยิ้มบางๆให้...
“งั้น พี่นั่งรอเป็นเพื่อนก็แล้วกันนะ...”
แจฮยอนนั่งลงข้างๆคนตัวบางที่นั่งทำหน้าเหมือนแบกความทุกข์เอาไว้มากมาย... แจฮยอนไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไร...แต่เห็นแบบนี้แล้วแจฮยอนก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง...
ดูใบหน้าน่ารักที่งอนั่นสิ ทำหน้าอย่างกับว่าอีกนิดเดียวจะร้องงอแงแล้ว..
"เป็นอะไรหรือเปล่าถึงทำหน้าดูเครียดๆ...."
แจฮยอนเอ่ยถาม โดยองก็หันมามองแต่หน้าก็ยังคงงออยู่แบบนั้น..ก่อนจะถอนลมหายใจออกมา...
“โดยอง...รู้สึกเครียดๆกับตัวเองนิดหน่อยฮะ....”
“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ...ก็เล่าให้พี่ฟังก็ได้นะ ยังไงซะ...เราก็เป็นสายรหัสกัน...”
เพราะสถานะในตอนนี้ยังคงเป็นได้นี้... แจฮยอนจึงยังไม่สามารถจะทำอะไรได้มาก... เจอกันก็เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง โอกาสที่จะได้เข้าไปรับรู้เรื่องราวต่างๆในชีวิตโดยองจึงไม่มี...
“ถ้าโดยองเล่าไป...เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าพี่แจฮยอนจะมีน้องรหัสเป็นบ้าเอานะฮะ..”
โดยองเอ่ยอย่างขำๆ แต่แจฮยอนมองดูจากดวงตากลมนั่นแล้ว มันกลับดูหงอยๆเศร้าๆมากกว่าที่จะตลกกับเรื่องราวที่เพิ่งจะพูดไป...
“บางเรื่อง...ถ้ารู้สึกอึดอัด หรือว่าไม่สบายใจก็ต้องหาที่ระบายออกไปบ้างนะ ไม่อยากเล่าให้พี่ฟังก็ไม่เป็นไรนะ แต่ยังไงถ้าไม่สบายใจอะไรก็ต้องคุยกับพ่อแม่ไม่ก็พี่ชายรู้มั้ยครับ..”
พี่แจฮยอนเอ่ยกับโดยองอย่างกับว่าเขานั้นเป็นเด็กอย่างไรอย่างนั้น...ก็ถูก... ไม่สบายใจก็ต้องพูดคุยหรือระบายกับใครสักคน
หรือบางที..รุ่นพี่แจฮยอนอาจจะเข้าใจความรู้สึกของโดยองก็ได้....
“คือ...เรื่องที่โดยองกำลังเจอ...มันไม่ใช่เรื่องที่ไม่น่าเชื่อแล้วก็ไม่น่าเกิดขึ้นกับชีวิตได้เลยฮะ...โดยองเลยไม่อยากเล่าให้ใครฟัง แม้แต่กับพี่ชายโดยองยังไม่รู้เลยว่าจะเล่าให้ฟังดีหรือเปล่า...”
ถึงจะเล่าแบบอ้อมๆ แต่โดยองก็คิดว่าแจฮยอนก็คงจะเข้าใจ...หรือว่า...อาจจะไม่เข้าใจก็ได้..
“เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้เหรอ....อืม...พี่ว่านะ เรื่องอะไรแบบนี้ ถ้าหากว่าใครไม่ได้มาเจอด้วยตัวเอง เค้าก็คงจะไม่มีวันเข้าใจในสิ่งที่เราเจอหรอกนะครับ...”
“แล้วถ้าเป็นพี่แจฮยอน พี่แจฮยอนจะทำยังไงหรอฮะ...”
“ทำใจครับ...แล้วก็หาใครสักคนที่จะรับฟัง”
ใครสักคนที่จะรับฟังความทุกข์ในใจของโดยอง แน่นอนว่า...
พี่กงมยองอย่างไรล่ะ!!!
“ขอบคุณนะฮะ...พอคุยกับพี่แจฮยอนแล้วโดยองรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย”
โดยองเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เหมือนความทุกข์ใจที่ผ่านมา เมื่อครู่นี้ มันหายไปแล้วอย่างหน้าประหลาด ทั้งๆที่ยังไม่ได้คุยอะไรกันมากความเสียด้วย...แต่กลับรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก...
คิม โดยองนั่งคุยกับพี่รหัสไปสักพัก เพียงไม่นานรถของพี่ชายเขาก็มารับถึงหน้าคณะ..
“โดยองต้องไปแล้วอ่า...ขอบคุณที่นั่งรอเป็นเพื่อนนะพี่แจฮยอน แล้วก็ขนมนี่ด้วย ไว้เดี๋ยวโดยองเลี้ยงขนมพี่แจฮยอนบ้าง ไปแล้วนะ บ๊ายบาย...”
โดยองโบกมือลารุ่นพี่ที่อุตส่านั่งรอเป็นเพื่อนเขา แต่เจ้าพี่ชายตัวดีก็เปิดกระจกรถลงมา พร้อมมองหน้าและยิ้มให้เขาอย่างมีเลศนัยบางอย่าง...
และแน่นอนว่านั่นคือการกลั่นแกล้ง...
“ฮั่นแน่ๆๆ~”
“ย่าห์ ! หยุดเดี๋ยวนี้นะคิม กงมยอง!!!”
.....................................................
อีก 3 วันจะต้องไปเข้าค่ายแล้ว....
แน่นอนว่าคณะโบราณคดีนั้นมีการทำกิจกรรม นอกมหาวิทยาลัยค่อนข้างที่จะบ่อย แค่เข้าเรียนปี1 การต้องไปทำกิจกรรมนอกสถานที่แล้ว แต่จะดีหน่อยตรงที่ว่าจะมีรุ่นพี่ปี2 ไปด้วย
โดยจะเป็นการให้พี่รหัสดูแลน้องรหัสนั่นเอง...
“ให้ตายเถอะ! พระเจ้าช่วย! นี่ก็ใกล้วันจะไปเข้าค่ายแล้ว ฉันยังหาพี่รหัสของฉันไม่เจอเลยอ่ะพวกแก~”
เวนดี้บ่นโอดครวญกับเพื่อนรักทั้งสองของเธออย่างเซ็งๆ ทั้งโดยองและเตนล์นั้นต่างก็ได้เจอพี่รหัสของตัวเองกันหมดแล้ว ทั้งคู่ล้วนได้ขนมจากพี่รหัส ได้คำแนะนำ ได้คุยไลน์กับพี่รหัสของตน แต่เธอเนี่ยสิ แย่ที่สุดกือยังหาไม่เจอเลย....
“อย่าเครียดไปเลยนะเวนดี้ ฉันเชื่อว่าไม่ใช่เธอคนเดียวที่จะถูกทำโทษนะ... ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกต้อง3คนแน่ะ ฮ่าๆๆ”
“ย่าห์! เตนล์! นี่คือการพูดปลอบใจฉันแล้วถูกมะ?”
ในระหว่างที่เวนดี้กำลังปรับทุกข์ของตนเองให้เตนล์ฟังนั้น ใครบางคนในกลุ่มก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ชะมัด...อะไรจะดูมีความสุขขนาดนั้นกัน...
เตนล์และเวนดี้มองเพื่อนหน้ากระต่ายที่ตั้งแต่เลิกเรียนก็เอาแต่เล่นโทรศัพท์ จะมีคุยกับพวกเขาทั้งสองบางก็จริง แต่จุดโฟกัสของโดยองก็ยังเป็นโทรศัพท์มือถือในมืออยู่ดี...น่าแกล้งจริงๆ เตนล์และเวนดี้มองหน้ากันสองคนและพยักหน้าให้กันอย่างรู้งาน ก่อนจะจัดการประทุษร้ายไปที่ร่างของคิม โดยอง....
“แฮ่!!!”
“เฮ้ย!!!”
เตนล์จัดการแกล้งให้โดยองตกใจ ส่วนเวนดี้ก็รีบคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของโดยองมาตอนที่เจ้าตัวนั้นกำลังเผลออยู่...
“เอามานะเวนดี้...”
“แหม...กับเพื่อนกับฝูงนี่ไม่คุยนะ มัวแชทกับใครอยู่ไหนๆๆ เอามาดูหน่อยซิ...โอ๊ย! รหัสอะไรเนี่ย...”
โดยองถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีนะเนี่ยที่เขานั้นได้ล็อครหัสโทรศัพท์มือถือเอาไว้ก่อน....
“โอ๊ยยยย ฉันว่าต้องคุยกับรุ่นพี่แจฮยอนแน่ๆเลย อย่างคิม โดยองจะไปคุยกับใครได้”
เตนล์เอ่ยแซวเพื่อน และท่าทางก็เหมือนจะถูกเสียด้วยสิ ก็เพราะว่าใบหน้าน่ารักของคิม โดยองตอนนี้ก็ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย..
“เปล่าซะหน่อย...”
“เปล่าแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยยะ! แล้วนี่...ไปถึงไหนกันแล้วอ่ะ”
ดวงตากลมเบิกกว้างก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์มาจากมือเพื่อนสาวแล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม...
“ถึงไหนอะไรเล่า ไม่มีอะไรสักหน่อย...”
“เชื่อตายแหละ! เดี๋ยวจะคอยดูคนปากแข็งแถวนี้ที่บอกว่าไม่มีอะไร”
เตนล์และเวนดี้เบ้ปาก คำว่าไม่มีอะไรของคิม โดยองน่ะ มันก็คือมีอะไรดีๆนี่เอง มาคอยดูกันดีกว่าว่าเจ้าตัวจะปากแข็งไปได้อีกสักกี่น้ำ ตอนนี้ก็เจอพี่รหัสแล้วนี่ แถมยังเจอก่อนชาวบ้านเขาเสียด้วย ไม่พอ...พี่รหัสยังหล่อเป็นถึงเดือนคณะอีกต่างหาก...ให้ตายสิ ทำยังไงจะโชคดีแบบนี้บ้างเนี่ย!
ณ ที่ใดที่หนึ่งที่ไม่อาจรู้ได้...และเป็นที่เดิม...เหมือนกับคืนก่อนๆที่ผ่านมาในเกือบจะทุกๆคืน....
โดยองยังคงวนเวียนอยู่ในที่ๆเดิม ในห้วงภวังค์แห่งความฝันของตนเอง และใครบางคนก็ยังวนเวียนอยู่ที่เดิมเหมือนกับโดยองเช่นกัน...
“คุณ!”
แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมหันหน้ากลับมาหาตามเสียงเรียกของโดยองเลยแม้แต่สักครั้ง....
แต่โดยองก็ไม่ยอมลดละความพยายามของตนเช่นกัน... ไม่หันวันนี้พรุ่งนี้ก็คงตั้งหันมาแหละน่า....
“คุณใจร้ายมากเลยนะรู้ตัวหรือเปล่า คุณมาให้ผมเห็นในฝันทุกวันเลยนะ แต่คุณก็ไม่ยอมให้ผมเห็นหน้าคุณ.. ทำไมล่ะ?”
สำหรับคนๆนี้โดยองไม่ได้กลัว...แต่โดยองชิน การี่ฝันเห็นเขา โดยองยังสบายใจมากกว่าฝันเห็นอย่างอื่น...
“คุณ...นี่ไม่คิดจะพูดอะไรกับพบบ้างหรือไง..เฮ้ย!!”
โดยองพยายามเอื้อมมือไปแตะร่างกายร่างสูงข้างหน้า แต่ก็มีบ้างอย่างผิดปกติไปจากเดิม...
อย่างแรกเสื้อผ้าที่เขากำลังสวมใส่นั้นมันไม่ใช่ชุดนอนที่ใส่อยู่...แต่กลับเป็นชุดเกาหลีโบราณยาวรุ่มร่าม ไหนจะเส้นผมของเขาที่มันยาวจนถึงกลางหลัง แน่นอนว่าคนเราไม่มีทางที่จะผมยาวได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง แล้วอีกยาวผมยาวขนาดนี้มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆก็2ปีขึ้นไป
ตอนนี้สภาพของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้านั้นช่างเหมือนเด็กหนุ่มที่โดนฆ่าในวันนั้น
“ทะ..ทำไม..อ๊ะ!!!”
จู่โดยองก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา ภาพอะไรหลายๆอย่างมันซ้อนเข้ามาในหัวสมอง...ภาพของคนสองคนที่เขาก็ไม่สามารถมองออกได้ว่าเป็นใคร กับเหตุการณ์ต่างๆที่ซ้อนเข้ามาเป็นฉาก
“โอ๊ยยย!!! คุณช่วยผมด้วย!!....”
โดยองพยายามร้องเรียกขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ แต่ฝันนี้มันเหมือนจริงเกินไป ทุกสิ่งที่อย่างที่เกิดขึ้นโดยองรับรู้และรู้สึกมันจริงๆ....
“คุณ! คนใจร้าย! เพราะคุณใช่มั้ยที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ คุณมันบ้าที่สุดเลย!!”
“.....”
แน่นอนว่าสิ่งที่ได้รับกลับมา โดยองที่กำลังปวดหัวอย่างรุนแรงตอนนี้เมื่อร่างสูงด้านหน้าไม่ยอมตอบสิ่งใดกลับมาเช่นนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เจอกันแล้วโดยองทรมานมากขนาดนี้....
“คุณเป็นใครกันแน่!! ทำไมผมต้องฝันเห็นคุณแบบนี้ทุกคืนด้วย!! โอ๊ย!”
“น้อง! น้อง! โดยอง! ”
“เฮือกกกกก!!”
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่โดยองจำต้องตื่นออกมากลางดึกเพราะความฝันแสนประหลาดที่ต้องพบเจอในเกือบทุกคืน...
คืนนี้เขามานอนกับพี่ชายในห้อง แต่สุดท้ายก็ฝันอีกจนได้...
“น้องเป็นอะไร...ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?”
กงมยองเอ่ยถามน้องชายของตนด้วยความเป็นห่วง ก็ดูสิ...จู่ๆคิม โดยองก็ร้องเสียเสียงดังราวกับว่าเจ็บปวดอะไรทั้งๆที่ไม่มีอะไร เหงื่อก็ไหลเต็มตัวไปหมดทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศในห้องก็อุณภูมิค่อนข้างต่ำ...
“น้อง...น้องรู้สึกเหมือนจะบ้าให้ได้เลย...”
“ใจเย็นๆ ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่นี่แล้วไม่ต้องกลัว”
โดยองร้องไห้อีกแล้ว น้ำตาเอ่อล้นจากดวงตากลมไหลอาบใบหน้าหวาน...โดยองไม่ได้หวาดกลัวอะไร แต่ในใจของเขามันทรมานอย่างบอกไม่ถูก...
ภาพเหตุการณ์พวกนั้นมันคืออะไรกันแน่...แล้วทำไมต้องเป็นเขาด้วยที่ต้องมองเห็นและรับรู้สิ่งเหล่านั้น...
ช่วงเวลาตี5 ที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ... หน้าตึกคณะโบราณคดีมีนักศึกษาทั้งปี1และปี2พร้อมอาจารย์อีกหลายๆคนของคณะที่วันนี้จะต้องไปเข้าค่ายทัศนะศึกษานอกสถานที่ด้วยกัน....
เพียงเวลาไม่ถึง 20 นาที เหล่านักศึกษาของคณะทุกคนก็มากันคบ ทุกคนพากันขึ้นรถบัสที่มีทั้งหมดสองคัน โดยที่แรกวางแผนไว้คือคันแรกจะเป็นของเด็กปี1 ส่วนคันที่สองก็เป็นของพี่ปี2 แต่ประธานคณะปี2 จุนมยอนเปลี่ยนแผนให้เป็นพี่รหัสและน้องรหัสนั่งด้วยกัน จึงต้องเปลี่ยนที่นั่งใหม่....
“เอาล่ะครับน้องๆและเพื่อนๆทุกคน ตำแหน่งที่นั่งบนรถบัสที่ได้เปลี่ยนเมื่อคืนนี้ผมได้ส่งให้ในไลน์กลุ่มสายรหัสเมื่อครู่นี้แล้ว เปิดดูเช็คที่นั่งแล้วขึ้นไปนั่งกันได้เลยครับ”
จุนมยอนประกาศผ่านทางทรโข่งและแน่นอนว่าทุกคนได้ยิน โดยองเวนดี้และเตนล์ต่างก็เปิดดูตำแหน่งที่นั่งบนรถบัสของตนและพี่รหัส...และผลก็คือ...
“โหยยยย ฉันไม่ได้นั่งคันเดียวกับพวกแกสองคนอ่ะ...”
โดยองบ่นโอด เขาได้นั่งคันแรก ส่วนเวนดี้และเตนล์ได้นั่งคันที่สองนั่นก็หมายความโดยองคงทำได้แค่นั่งเงียบๆบนรถท่ามกลางคนที่ไม่รู้จักน่ะสิ....
“แหมมมม ไม่ต้องทำเป็นบ่น จะได้นั่งกับพี่รหัสสองคนแล้วนี่ สบายใจมากกว่าละม้างงง”
เตนล์แกล้งเอ่ยแซวซึ่งเวนดี้ก็แสดงท่าทีเห็นด้วยทันทีทันใด เรียกความหัวร้อนจากคิม โดยองได้ทันที
“ย่าห์! พวกบ้า!!”
“น้องโดยองครับ...ขึ้นรถยังครับ”
แต่แล้วเสียงทุ้มของใครบางคนที่เอ่ยเรียกก็ทำให้คิม โดยองต้องหยุดชะงักจากการประทุษร้ายเพื่อนตัวแสบทั้งสองคน
“ไปกันเลยก็ได้ครับพี่แจฮยอน...”
“เฮ้ยๆๆๆ มีความน้องโดยองว่ะเฮ้ย~~”
เตนล์และเวนดี้ยังไม่ยอมหยุดแซวโดยองง่ายๆ ให้ตายสิ แค่พี่กงมยองที่บ้านคนเดียวนี่ก็จะแทบจะบ้าตายอยู่แล้วยังจะมีพวกสองแสบนี่อีก!
“ฮื้อ!! ”
คิม โดยองส่งเสียงความไม่พอใจออกมาพร้อมแก้มแดงๆของตัวเอง ไม่รู้เช่นกันว่าท่ามกลางท้องฟ้าที่ยังไม่สว่างแบบนี้พี่รหัสร่างสูงจะสังเกตเห็นหรือเปล่า...
ดวงตากลมมองขู่เพื่อนรักทั้งสองคนว่าให้หยุดเอ่ยแซวเดี๋ยวนี้... แต่มีหรือเตนล์และเวนดี้จะกลัว จะบอกให้นะ คิม โดยองขู่น่ะ...เอาลูกแมวหรือลูกหมามาขู่ยังดูน่ากลัวกว่าอีก...
“น้องโดยอง...ไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าแดงๆ”
แจฮยอนเอ่ยถามหลังจากที่ขึ้นรถบัสมานั่งยังที่นั่งแล้ว เขาสังเกตเห็นว่าหน้าของโดยองดูแดงๆตั้งแต่อยู่ข้างล่างแล้วจึงเอ่ยถามขึ้นมา ส่วนคนถูกทักว่าหน้าแดงก็รีบใช้มือทั้งสองข้างทาบใบหน้าพร้อมทำหน้าตาเลิ่กลั่กจนคนมองอดยิ้มตามไม่ได้.... เพราะคิม โดยองทั้งหน้าตาแล้วก็ทางตอนนี้มัน...น่ารักเหมือนกระต่ายมากๆ...
“เอ่อ...พี่แจฮยอนตอนนี้หน้าโดยองหายแดงหรือยังฮะ?”
“หายแล้วครับ...”
จริงๆแล้วหน้าของโดยองก็ยังแดงเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่แจฮยอนก็เลือกที่จะโกหกไป เพื่อความสบายใจของเจ้าตัว...
“ฟู่ว...”
เมื่อได้ยินคำตอบที่พอใจแล้วโดยองจึงผ่อนลมหายใจออก่อนจะหันหน้ามองออกไปทางกระจกรถบัส ตอนนี้นักศึกษาทุกๆคนก็นั่งบนรถครบทุกคนแล้ว รถบัสทั้งสองคันก็ขับเคลื่อนออกนอกมหาวิทยาลัย...
กว่าจะมาถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สถานที่ท่องเที่ยวที่แรกก็ใช้เวลาเดินทางถึงในเวลา 9 โมงเช้า คิม โดยองเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ว่าเขานั้น....
“ตื่นแล้วเหรอครับ?”
“!!!”
โดยองตื่นขึ้นมาในขณะที่ศรีษะของเขากำลังพิงอยู่ที่ไหล่กว้างของแจฮยอนอยู่ …
ให้ตายสิ! ทำไมถึงได้ไม่รู้ตัวอะไรเลย แถมยังนอนหนุนไหล่คนพี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้..
“พะ...พี่แจฮยอน! เอ่อ...โดยองขอโทษนะฮะ!”
โดยองรีบเอ่ยขอโทษขอโพยที่เสียมารยาทนอนบนไหล่ของเขาต้องนานสองนอน แถมยังหลับไม่รู้เรื่องตลอดทางที่ผ่านมาอีก ให้ตายสิ เขาได้ทำตัวน่าเกลียดออกไปตอนที่หลับหรือเปล่านี่..
“ขอโทษพี่ทำไมครับ?”
“ก็โดยองนอน..เอ่อ..นอนหนุนไหล่พี่แจฮยอน...”
เมื่อโดยองเอ่ยเรื่องของตัวเองจบ แจฮยอนก็ยกยิ้มเบาๆ เผยให้เห็นลักยิ้มทั้งสองข้างของเขา... มันดูดีทุกครั้งที่เจ้าตัวยิ้ม ดูดีเสียจนทำให้ใครบางคนแถวนี้หัวใจเต้นแรงขึ้นมาเพราะเห็นมันเลยทีเดียว...
“ไม่เป็นไรหรอกครับ... พี่เต็มใจ.. ”
..............................................................
ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ล้วนมีแต่สิ่งน่าสนใจมากมายสำหรับเหล่านักศึกษาคณะโบราณคดี...วัตถุโบราณและข้าวของต่างๆมากๆถูกเก็บรักษาอย่างดี และถูกโชว์อยู่ในตู้กระจกของพิพิธภัณฑ์...
นักศึกษาบางคนก็เดินกับเพื่อนในกลุ่มของตน ตั้งแต่เดินลงจากรถมาโดยองก็ไม่เจอเตนล์และเวนดี้เลย และนั่นทำให้เขาตั้งอยู่กับพี่รหัสไปเสียก่อน ม่เช่นนั้นโดยองก็จะไม่มีเพื่อนเดินด้วยแน่ๆ..
โดยองเดินเคียงคู่กับแจฮยอน ทั้งสองพากันมองดูข้าวของต่างๆในตู้โชว์ จากหลายๆจุดและหลายโซน
เดินกับรุ่นพี่แจฮยอนมาก็นานแล้วนะ แต่ทำไมเตนล์กับเวนดี้ยังไม่มาซะที... ไปไหนกัน...
โดยองมองซ้ายขวาตลอดเวลาเพื่อมองหาเพื่อนของตนและแจฮยอนก็เห็นการกระทำของน้องรหัสอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน...
“มองหาอะไรเหรอครับ น้องโดยอง?”
“โดยองมองหาเพื่อนน่ะฮะ.. ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนกัน”
โดยองเอ่ย ในขณะที่ดวงตากลม ก็ยังคอยชะเง้อหาเพื่อนของตนอยู่ตลอดเช่นกัน...
น่ารัก...
คิม โดยองน่ารักในทุกการกระทำ แจฮยอนในฐานะคนที่มองก็อดจะยิ้มไม่ได้...
“ถ้ายังหาเพื่อนไม่เจอก็อยู่กับพี่ก่อนก็ได้ครับ...”
อืม...ก็แค่อยู่กับพี่แจฮยอนต่ออีกเอง... ไม่เห็นจะมีความจำเป็นที่หัวใจของคิม โดยองจะตั้งเต้นแรงเลยสักนิดเดียว...
Line!
เสียงการแจ้งเตือนของไลน์ที่ดังขึ้นเพราะโดยองนั้นลืมปิดเสียงโทรศัพท์ มือเรียวจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเสียง...ปรากฏว่าข้อความที่ส่งมามันเป็นข้อความของเตนล์ที่ส่งเข้ามาในไลน์กลุ่ม...
แต่เตนล์ส่งรูปอะไรบางอย่างมาก็ไม่รู้...
☺ Do10Dy Group ☺
10 10 10
-Sent a photo-
“!!!!”
โดยองตกใจจนตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นรูปภาพที่เตนล์ส่งมา นั่นมันเป็นภาพที่เขากำลังเดินกับพี่แจฮยอน …
คิม โดยองรีบหันไปมองข้างหลังเพื่อหาเพื่อนตัวดืทั้งสองคนที่กำลังรวมหัวกันแกล้งเข้าแต่ก็ไม่เห็น
พวกบ้าเอ่ย!
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง คิ้วสวยที่ขมวดเข่าหากันด้วยความหงุดหงิดรีบคลายออกแล้วกลับมามีสีหน้าปกติ
“มะ..ไม่มีอะไรฮะ..”
โดยองเอ่ยพร้อมส่ายหน้าไปมา ขืนให้พูดออกไปว่าถูกเพื่อนแกล้งเพราะรุ่นพี่ตรงหน้า เขาต้องทำตัวไม่ถูกแน่ๆ...
“วันนี้โดยองขออยู่กับพี่แจฮยอนตลอดเลยนะฮะ...”
ถึงแม้จะประหลาดใจมากๆ แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่แจฮยอนจะต้องปฏิเสธออกไป..
ดีเสียอีก...
“ได้สิครับ...”
“พี่แจฮยอนใจดีจังเลย...”
ถ้าถามว่าทำไมโดยองถึงขอแจฮยอนแบบนี้น่ะเหรอ...
นั่นก็เพราะว่าตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกหมั่นไส้เพื่อนๆตัวแสบทั้งสองคนของตัวเองมากแล้วน่ะสิ อยากแกล้งเขาก็ดีนัก ได้เลย อยากทำอะไรทำเลย ในเมื่อเขาทำขนาดนี้แล้ว อยากจะรู้จริงๆว่าจะมีเรื่องอะไรให้แกล้งกันอีกมั้ย...
บอกตามตรงว่าทำไม่มีตำแหน่งพี่รหัสและน้องรหัสมาคั่นกลางเอาไว้โดยองคงไม่กล้าทำอย่างนี้หรอกนะ บอกตรงๆว่าคนชอบพี่เขาก็เยอะมากมาย เรียกได้ว่าค่อนคณะแหละ โดยองไม่อยากถูกซุบซิบนินทาเท่าไหร่ แต่โชคดีที่เขาได้เป็นน้องรหัสพี่แจฮยอนจึงไม่ค่อยมีอะไรให้ต้องมาคิดมากนัก....
ถึงแม้ว่าวันทั้งวันที่อยู่ด้วยกันเขาและพี่แจฮยอนนั้นจะถูกจับตามองจากคนอื่นๆตลอดเวลาก็เถอะนะ...
ตอนนี้รถบัสของคณะได้มาถึงยังสถานที่พักแล้ว...
ป่า...
สมเป็นการเข้าค่ายเสียจริงๆ...
ตั้งแต่รถจอดแล้วเดินลงมาเรื่อยๆ พร้อมนักศึกษาและอาจารย์ทุกคนของคณะ โดยองก็เกิดความรู้แปลกๆอย่างบอกไม่ถูก...
เขาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกอะไร...แต่เขารู้สึกว่าอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเสียดื้อๆ...
เดินมาไม่ไกลนักก็มาถึงจัดที่เราจะตั้งแคมป์กัน มีอุปกรณ์กลางเตนท์มากมายพอสำหรับนักศึกษาทุกๆคน...
“เฮ้!โดยอง!”
เสียงเวนดี้ที่ตะโกนเรียกทำให้โดยองต้องบอกพี่รหัสข้างๆ และขอตัวไปหาเพื่อนของตัวเองหลังจากวันทั้งวันนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย ซึ่งแจฮยอนนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขาเองก็ถูกประธานชมรมเรียกให้ไปหาพอดีเช่นกัน...
“เอาล่ะครับ เพื่อนๆและน้องๆทุกคน... อย่างที่เรารู้กันนี่คือการเข้าค่าย กิจกรรมก็จะมีอยู่ทั้งสิ้น3 วัน 2 คืน”
เสียงรุ่นพี่จุนมยอนประธานชมรมปี2เอ่ยขึ้นผ่านโทรโข่งพักพา และทุกคนก็ล้วนพากันตั้งใจฟังไปที่เขา...
“สำหรับที่นอนนะครับ...ก็จะมีเตนท์สำหรับทุกๆคนเลย แบ่งฝั่งชายหญิงกันให้เรียบร้อยด้วยนะครับเวลากลางเตนล์ อ้อ! แล้วอีกอย่างคือแต่ละเตนท์ จะนอนได้แค่2คนเท่านั้น ในเรื่องของความปลอดภัยพวกเราทุกคน จะมีเจ้าหน้าที่จากอุทยานมาช่วยดูแลนะครับทุกคน ”
หลังจากที่รุ่นพี่จุนมยอนประกาศเรื่องแจ้งจบ เวนดี้ก็ถอนหายใจออกมาทันที...
“ฉันคงต้องหาเพื่อนนอนซักคนละ ส่วนพวกแกสองคนก็นอนด้วยกัน”
“อืม...นอนกับไอ้ซึลกิก็ได้นี่ งั้นเดี๋ยวพวกฉันไปกันก่อนนะ ไปกันเถอะโดยอง”
เตนล์กำลังจะเดินจูงมือโดยองไปหาที่นอน แต่เพื่อนของเขาก็ยืนนิ่งตัวแข็งไม่ยอมขยับตามแรงดึงของเขาเลย แถมยังทำหน้าตาแปลกๆอีก...
“โดยองเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันไม่รู้....”
โดยองเอ่ยพร้อมดวงตาเหม่อลอย ดวงตากลมมองไปข้างหน้าอย่างไร้ซึ่งจุดหมาย... ความรู้สึกประหลาดๆมันกำลังเกิดขึ้นเรื่อยๆ แล้วโดยองรู้สึกอึดอัดไปหมด...
“เฮ้ย...มีอะไรก็บอกพวกฉันได้น่ะเว้ย...”
เตนล์เอ่ยพร้อมกุมมือเพื่อยเอาไว้ เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าโดยองเป็นอะไร แต่คนเป็นเพื่อนอย่างเขาก็คงทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนตัวเองเป็นแบบนี้...
“ฉัน..ฉันแค่..ฉันรู้สึกว่าฉันคุ้นๆหน้าพี่เขาแปลกๆ”
“แกหมายถึงใคร? พี่แจฮยอนเหรอ?”
“เอาล่ะครับน้องๆ พี่มีอีกเรื่องที่จะต้องแจ้ง.... อย่างที่ทราบนะครับ ว่าสัปดาห์แรกของการเปิดเทอม เราได้มีการจับฉลากพี่รหัส โดยน้องๆทุกคนจะได้รับโค้ดลับบอกใบตัวตนพี่รหัสต่างๆ แล้วพี่ก็ได้บอกไว้ด้วยว่า ใครเอพี่รหัสก่อน3คู่แรกก็จะได้รางวัลใช่มั้ยครับ”
หลังจากที่เวนดี้กำลังเอ่ยถามโดยองกับอาการที่แปลกๆไปกันอยู่นั้น เสียงของประธานชมรมปี2ก่อนเอ่ยขึ้นผ่านโทรโข่งให้ทุกๆคนได้ยิน และแน่นอนทุกคนก็ต้องตั้งใจฟัง รวมทั้งพวกเขาสามคนด้วย
“รางวัลสำหรับสายรหัสทั้งสามนะครับ คือจะไม่ต้องนอนเตนท์นะครับ เพราะผมได้จองห้องพักสำหรับพวกคุณแล้วเป็นโรงแรมตรงมใกล้ๆปากทางเข้าที่เดียวกับพวกอาจารย์ แล้วก็เป็นเรื่องน่ายินดีนะครับที่คู่สายรหัสนั้น เป็นคู่ ผู้ชายกับผู้ชาย1คู่ ผู้หญิงกับผู้หญิงอีก2 คู่ ห้องที่จองไว้มีอยู่3ห้องพอดี เอาล่ะครับ ขอเชิญสายรหัสที่เจอกัน3อันดับแรกมารับกุญแจห้องด้วยครับ”
หลังจากรุ่นพี่จุนมยอนแจ้งเรื่องจบอีกครั้ง พี่รหัสของ3คู่ที่ได้รับรางวัลนี้ก็เดินออกไปรับกุญแจ...
โดยองเองก็มีสีหน้าที่แย่ลงเรื่อยๆจนเพื่อนๆเป็นห่วง แต่ในกลับกันถ้าหากว่าโดยองจะไม่สบายก็คงโชคดีที่เจ้าตัวจะไม่ต้องนอนเตนท์ท่ามกลางอากาศเย็นๆในป่าแบบนี้
“ไปแก.. พี่แจฮยอนเดินมานั่นแล้ว”
เวนดี้ว่าก่อนจะช่วยถือกระเป๋าและสัมภาระของโดยอง โดยองพยักหน้ารับก่อนจะรับข้าวของของตัวเองจากเวนดี้มาถือเอง
“ฝากดูแลเพื่อนพวกหนูด้วยนะคะ”
เวนดี้เอ่ยในครั้งนี้เธอไม่ได้จะแกล้งแซวโดยองแต่อย่างไร แต่ดูจากสีหน้าที่ดูแย่ลงของโดยองแล้วมันอดไม่ได้จริงๆ..
“ครับ...”
แจฮยอนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะช่วยโดยองถือกระเป๋าอีกใบในมือ ก่อนจะเดินนำโดยองไปยังโรงแรมทางปากทางเข้า... โดยองเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เจ้าตัวเดิมตามอย่างเหม่อลอย มอวงแล้วเตนล์และเวนดี้อดจะเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ...แต่อย่างน้อย คิม โดยองน่ะกผ็มีพี่รหัสสุดเพอร์เฟคคอยดูแลล่ะนะ...
อีกนิดเดียวก็จะพ้นเขตของป่าแล้ว...
ทางเดินที่พวกเขากำลังเดินอยู่คือพื้นคอนกรีต... เพราะว่าไม่ไกลมากพวกเขาจึงเลือกเดินมากกว่าจะนั่งรถกอล์ฟ หรือรถของเจ้าหน้าที่อุทยาน แล้วอีกอย่าง เดี๋ยวช่วงกลางคืนก็ต้องออกจากห้องพักของโรงแรมเดินเข้าป่าไปทำกิจกรรมตอนกลางคืนกับคนอื่นๆที่เหลืออีกต่างหาก...
แจฮยอนเดิมนำน้องรหัสของตนไปหลายก้าว ในที่แรกเขาก็ไม่ได้คิดอะไร จนไปๆมาๆเริ่มห่างกันมากเกินไปทำให้แจฮยอนเลือกที่จะเดินย้อนกลับเพื่อไปหาโดยอง เผื่อว่าน้องเป็นอะไรขึ้นมาเขาจะได้ดูแลได้...
“น้องโดยองเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
แจฮยอนเอ่ยถามน้องรหัสที่เดินก้มหน้า มือเรียวกำเข้าหากัน สีหน้าดวงตาดูแปลกๆเหมือนกับคนกำลังจะร้องให้ด้วยความเป็นห่วง
“ปะ..เปล่า... โดยอง ไม่ได้เป็นอะไร...”
โดยองตอบว่าตัวเองไม่เป็นอะไรทั้งที่ตอนนี้ความรู้สึกแปลกๆขงเขานั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพอะไรบางอย่างกำลังค่อยๆเริ่มซ้อนทัพเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ... ทุกอย่างเรียเรียงเป็นเหตุการณ์ชัดเจน...
มันเป็นภาพเหตุการณ์ของคนสองคน...
ที่คล้ายๆกับเขา..และพี่แจฮยอน...
เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนกับที่แจฮยอนเล่าให้ฟังในวันนั้นทุกประการ..
“โอ๊ยยยย!”
โดยองรู้สึกจี๊ดขึ้นมาในหัว ภาพเหล่านั้นมันปรากฏขึ้นมาซ้อนกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับวิดีโอที่ถูกเปิดฉายซ้ำๆ
มันคืออะไรกันแน่! แล้วทำไมถึง!
“โดยอง!!!!”
ร่างบางของคิม โดยองที่จู่ๆก็ซุดลงบนพื้น ดวงตากลมปิดลง นั่นหมายความว่าเจ้าตัวกำลังหมดสติ...
แจฮยอนรีบใช้สองแขนโอบรับเอาไว้ กันไม่ให้โดยองร่วงไปยังพื้นปูนคอนกรีต แขนแกร่งช้อนเอาร่างบางแนบอก ก็จะรีบพาคนน้องไปยังรถจิ๊บของเจ้าหน้าที่ของอุทยานแล้วให้พสกเขาพาไปส่งยังโรงแรมเพื่อที่จะได้เร็วมากขึ้น...
18.30 PM.
ในช่วงเวลาตอนเย็น แจฮยอนใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นบิดหมาดๆ เช็ดไปตามใบหน้าน่ารักของคนที่ยังนอนไม่ได้สติ อยู่บนเตียง...
ดวงตาคมมองอย่างเป็นห่วง...ถ้าหากว่าคิม โดยองนั้นเป็นอะไรไป..อีกครั้ง...แล้วเขาจะทำยังไง...
เมื่อครู่นี้แจฮยอนได้โทรบอกไปยังจุนมยอนแล้วว่าเขาและโดยองจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมตอนเย็น และแจ้งเรื่องของโดยองให้ผู้ที่มีตำแหน่งประธานคณะได้ทราบ จุนมยอนไม่ได้ว่าอะไรแถมยังบอกว่าหากไม่ดีขึ้นตนจะติดต่อหมอภายในตัวเมืองมาให้ แจฮยอนจึงตอบไปเขาต้งการจะดูอาการของโดยองต่อไปเสียก่อน...
“อื้อ....”
เสียงอื้ออึงในลำคอพร้อมดวงตากลมมค่อยๆลืมขึ้น.. สิ่งแรกที่โดยองมองเห็นคือผนังเพดานสีขาว...ดวงตากลมค่อยๆปรับโฟกัสนเห็นทุกอย่างชัด ตามด้วยเสียงเรียกอันคุ้นเคยของพี่รหัสดังขึ้นในเวลาต่อมาทันที
“ดีหรือยังครับ?”
“พี่..พี่แจฮยอน...”
โดยองค่อยๆพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งโดยมีแจฮยอนคอยประครองร่างอยู่ไม่ห่าง...จากนั้นแจฮยอนก็รีบหยิบแก้วน้ำเปล่าพร้อมหลอดดูดให้โดยอง...
“ดื่มน้ำก่อนนะ..”
เพราะกำลังรู้สึกคอแห้งผากมากๆอยู่พอดี โดยองจึงรีบดูดน้ำจากหลอดลงคอ เขาจ้องหน้าแจฮยอนอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่ามันเป็นการเสียมารยาท...แต่ภาพเหล่านั้น...มันทำให้โดยองต้องเป็นแบบนี้
“เป็นอะไรหรือเปล่า? อยากจะได้อะไรเพิ่มเติมมั้ย?”
แจฮยอนเอ่ยถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบระหว่างเราสองคน....โดยองเองก็อยากบอกในสิ่งที่ตัวเองได้เห็น ได้รับรู้ ได้รู้สึกในตลอดเวลาที่ผ่านมาเช่นกัน เขาอึดอัดในทุกสิ่งทุกอย่างจนอยากจะระบายออกมา ยิ่งสิ่งเหล่านั้นมันเกี่ยวข้องกับเขาและพี่รหัสตรงหน้าเขายิ่งอยากจะบอกให้หมด...
แต่...
ถ้าหากเขาเป็นแจฮยอน เขาก็คงจะไม่เชื่อและคงจะคิดว่าเรื่องนี้มันไร้สาระ...
โดยองคิดว่าเขาควรจะเก็บไว้แบบนี้ยังจะดีกว่า....
“เย็นวันนี้เราจะไม่ไปร่วมกิจกรรมรอบกองไฟนะครับ.. พี่เป็นห่วงน้องโดยอง กลัวว่าเดี๋ยวเราจะไม่สบายหนักกว่านี้ เมื่อตอนเราหลับพี่เช็ดตัวให้แล้ว... เราจะอาบน้ำอีกก็ได้นะถ้าหากค่อยยังชั่วแล้ว...”
แจฮยอนพูดจบ ก็เดินถือผ้าขนหนูและเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป... เมื่อได้ยินเช่นนั้นโดยองก็ตาโตทันที เขาสำรวจร่างกายตัวเอง ก็ต้องตกใจกว่าเดิม ตอนนี้โดยองอยู่ในชุดนอนที่ใส่กระเป๋ามา
นั้นก็หมายความว่าพี่แจฮยอนเช็ดตัวแล้วก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาด้วย อย่างนั้นเหรอ?!
นั่นแปลว่าคิม โดยอง คือไม่ใส่เสื้อผ้า ไม่รู้สึกตัว... ต่อหน้าพี่แจฮยอน....
เมื่อหันไปทางซ้ายพบว่ามีประตูเปิดไปนอกระเบียงรับลม โดยองก็รีบวิ่งไปทันที เขาเปิดประตูเดินออกแล้วรีบปิดประตูให้สนิท...
หลังจากนั้น....
“อ๊าก!!!!!!!!!!!”
พี่แจฮยอนเนี่ยบ้าที่สุดเลย ฮื่อ!!!
.............................................................
ตั้งแต่จบการเข้าค่ายมาเข้าสู่การที่ต้องเรียนตามปกติ...
“อาจารย์สั่งงานอีกแล้วอ่า...”
โดยองบ่นโอดครวญหลังจากที่ต้องทำรายงานวิจัยสิ่งของที่เป็นวัตถุโบราณ คะแนนงานนี้รุ่นพี่ปี2และปี3ต่างบอกว่าหินมากที่สุดในบรรดางานทั้งหมดของปี1 โดยองเชื่อแล้วว่าจริงเพราะฟังรายละเอียดวิธีการทำงานต่างๆจากปากของอาจารย์
คิม โดยองและเพื่อนในห้องต่างจดรายละเอียดงานลงสมุดบันทึกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นั่นก็เป็นเพราะว่างานนี้คะแนนเยอะมาก ผลคะแนนเก็บจะดีไม่ดี มันก็อยู่ที่งานชิ้นนี้เป็นสำคัญ...
“ฉันล่ะเครียดจริงๆ แต่คิม โดยองนี่คงไม่เครียดอะไรหรอก ว่ามะเตนล์..”
อีกแล้ว...
นึกจะแซวนี่ก็แซวกันซึ่งๆหน้าเลยสินะคนเรา คิม โดยองบุ้ยปากใส้เพื่อนๆอย่างเบื่อหน่าย เดี๋ยวนี้ชักจะยังไงใหญ่ ตั้งแต่กลับมาจากเข้าค่ายก็เอาแต่แซว เอาแต่ชงเขากับรุ่นพี่แจฮยอน...
“นั่นสินะเวนดี้ ก็นะ...พี่รหัสเค้าน่ะทั้งหล่อแถมยังสอบได้ที่1ของปี2 แล้วอีกอย่างคุณพ่อคุณแม่ของพี่แจฮยอนเค้ายังทำงานในสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติด้วย โอ๊ยยยชีวิตดี๊ดี คงได้คะแนนงานนี้เต็มแหละ”
เอาเลย... เอาให้สุด แซวขนาดนี้จงแซวต่อไป...
คิม โดยองก็ได้แต่คิดประชดประชันในใจ ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันไปแล้ว แต่โดยองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนของเขายังคงล้ออยู่นะ...
แต่เอาเข้าจริงงานชิ้นนี้มันก็ยากจริงๆอย่างที่เตนล์ เวนดี้และเพื่อนๆคนอื่นๆบ่นนั่นแหละ หากมีคนช่วยก็คงจะดีมากเลยทีเดียว...
แต่ว่า...
ตั้งแต่ในวันเข้าค่ายมา โดยองไม่ได้เจอหรือคุยกับพี่รหัสของตนบ่อยมากนักเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่าเรื่องราวที่เขาประสบพบเจอมาตลอดเวลาที่ผ่านมามันเหลือเชื่อมากเกินไป เกินจนที่โดยองไม่กล้าที่จะทำอะไรสักอย่าง จนต้องเก็บทุกอย่างไว้เงียบๆคนเดียว ต้องพยายามพาตัวไม่ให้ไปใกล้ชิดอีกคนที่ดูเหมือนจะมีผลกระทบกับหัวใจและทุกสิ่งทุกอย่างในหลายๆด้านเหลือเกิน...
“เฮ้อ....”
หลังเลิกเรียนตอนเย็นโดยองมาที่ห้องสมุดของคณะเพื่อหาข้อมูลไปทำรายงานและรอพี่ชายมารับด้วย เขาอยู่ที่นี่มากว่า2ชั่วโมงแล้วเห็นจะได้ แต่อะไรๆที่ได้ตั้งใจเอาไว้ก็เหมือนจะไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่เลย...
ถ้ามีใครมาเป็นตัวช่วยสักคนก็คงจะดีไม่น้อย....
และคนๆนั้นก็ควรจะเป็นพี่รหัสของเขา....อย่างแจฮยอน...
ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่จะขอความช่วยเหลือกันระหว่างพี่รหัสกับน้องรหัส แต่คนที่ผิดปกติก็คือโดยองเองนี่แหละ...
เขาไม่กล้า... ไม่กล้าเลยสักนิด
แต่ถ้าเขาอยากจะมีคะแนนที่ดี มันก็คงจะต้องทำอย่างนั้น....เขาต้องกล้าที่จะขอความช่วยเหลือจากแจฮยอน
ก็แค่ขอความช่วยเหลือเรื่องงานตามประสาของพี่รหัสและน้องรหัส...ไม่มีอะไรเสียหน่อย...ใช่มั้ย...
-Doyoung Kim-
“พี่แจฮยอน~”
“ช่วยทำงานหน่อยได้มั้ย”
J.HYUN
“งานอะไรครับ?”
-Doyoung Kim-
”งานวิจัยวัตถุโบราณ”
“พี่แจฮยอนว่างหรือเปล่าฮะ...”
“โดยองรบกวนหรือเปล่า?”
J.HYUN
“ไม่รบกวนเลยครับ”
“วันเสาร์นี้พี่ว่างพอดี..เราจะมาทำงานเลยมั้ย?”
-Doyoung Kim-
“โอเคฮะ ไปวันเสาร์นี้เลย”
J.HYUN
“เจอกันวันเสาร์ครับน้องโดยอง”
ในที่สุดโดยองก็เลือกแบบนี้จนได้ ทั้งๆที่อีกใจอยากถอยให้ออกห่าง แต่การกระทำกลับทำตรงข้ามทุกอย่าง อย่างไม่เข้าใจตัวเอง
ให้ตายสิ เขาเป็นคนนัดเอง แถมคนพี่ยังตอบตกลงไปเรียบร้อยเลยด้วย...
ในที่สุดวันเสาร์ก็มาถึงจนได้...
แจฮยอนขับรถมารับโดยองถึงหน้าบ้านตามโลเคชั่นที่เจ้าตัวแชร์มาให้ในไลน์ เมื่อขับรถมาถึงหน้าบ้าน ร่างบางที่แต่งตัวในชุดธรรมดาๆ แค่เสื้อยืดสีฟ้าพิมพ์ลายกับกางเกงยีนธรรมดาๆ ก็ดูน่ารักแล้ว....
“พี่แจฮยอนสวัสดีครับ”
โดยองทำการทักทายพี่รหัสที่วันนี้ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถพาเขาไปทำงานที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ แล้วยังจะช่วยเขาทำรายงานอีกต่างหาก
“กินข้าวมาหรือยังครับ?”
“เรียบร้อยฮะ!”
โดยองเอ่ยตอบเสียงใส พร้อมเผยรอยยิ้มที่คนมองอย่างแจฮยอนต้องยิ้มตาม..
ทั้งสองเผลอสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันไม่นานนัก แต่ก็ทำให้ใบหน้าของคิม โดยองรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาจนต้องเป็นฝ่ายหลบตาคนเป็นพี่เสียเอง...
ใช้เวลาไม่นานแจฮยอนก็ขับรถพาโดยองมาถึงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ...ที่ๆพ่อแม่เขาทำงานอยู่ และในอนาคตหากจบการศึกษาแล้วแจฮยอนก็คงจะทำงานอยู่ที่นี่เช่นกัน...
ตอนที่แจฮยอนและโดยองมาถึงมันก็เป็นเวลาที่สายมากแล้ว ที่นี่ก็มีผู้คนบ้างประปรายสำหรับในวันหยุดเช่นนี้ บ้างก็มีนักศึกษาปี1คณะเดียวกับเขาที่ถูกสั่งงานนี้มาที่นี่เพื่อทำงานเช่นกัน...
ในขณะที่กำลังดูข้าวของวัตถุโบราณต่างๆที่อยู่ข้างในตู้กระจกใสกันสองคน สิ่งที่ทั้งแจฮยอนและโดยองสามารถรู้สึกได้คือพวกเขากำลังถูกมองอยู่...
สำหรับโดยองมันไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะพี่รหัสของเขาอย่างที่รู้ๆกันดีคือแจฮยอนเป็นคนดังของคณะและมหาวิทยาลัย การเป็นที่จับตามองจึงเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่เขานี่สิ...ถูกพ่วงจับตามองไปด้วยเพราะเดินคู่กับพี่แจฮยอน....
“เลือกได้ยังครับว่าอยากทำรายงานของชิ้นไหน...”
“โดยองยังไม่รู้เลยฮะพี่แจฮยอน...น่าสนใจไปหมดเลย.. แต่อาจารย์บอกว่าถ้าทำซ้ำกันกับคนอื่น ก็ต้องถูกพิจารณาเยอะมากขึ้น...”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ว่าลองไปดูของที่บ้านพี่มั้ย พ่อแม่พี่กับนักสำรวจ เพิ่งจะขุดเจอหลักฐานยุคโซชอนเพิ่ม ยังไงซะ ถ้าเลือกที่จะหาของที่นี่ทำก็ต้องซ้ำเยอะอยู่ดี...”
แน่นอนว่าข้อเสนอของแจฮยอนนั้นมันดี..นี่คือข้อดีถึงดีสุดในการเป็นน้องรหัสของแจฮยอน...
แน่นอนว่าข้อเสนอของแจฮยอนทำให้โดยองต้องมาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ของครอบครัวแจฮยอน ซึ่งในตอนนี้ผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่ของแจฮยอนไม่ได้อยู่บ้าน ทั้งสองคนต้องไปต่างจังหวัดเพื่อสำรวจและขุดหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์บางส่วนเพิ่มกับทีมนักโบราณคดีคนอื่นๆ
ในห้องทำงานของพ่อแม่แจฮยอน ข้าวของวัตถุโบราณมากมายทุกๆชิ้นมันน่าสนใจและละลานตาไปหมด...
“ของบางชิ้นก็ยังหาที่มีที่ไปเพื่อพิสูจน์หลักฐานต่างๆไม่ได้ บางชิ้นก็ยังไม่เสร็จเลยยังไม่ได้นำข้าไปไว้ในพิพิธภัณฑ์น่ะ..”
แจฮยอนเอ่ย ในขณะที่โดยองเองก็ยังไม่ละสายตาจากข้าวของต่างๆมากมายที่ถูกขุดพบ...
“ถ้าหากโดยองช่วยวิจัยและพิสูจน์หลักฐานสำเร็จ ของชิ้นนั้นก็จะได้ถูกนำไปโชว์ในพิพิธภัณฑ์ แล้วอาจารย์อาจจะเพิ่มคะแนนให้พิเศษด้วย...”
“พี่แจฮยอนเคยทำแบบนั้นหรือเปล่าฮะ?”
“พี่เหรอ พี่เคยช่วยพ่อแม่ทำงานพวกนี้นะ...แล้วของที่พี่ทำการวิจัยก็ได้ขึ้นโชว์ในพิพิธภัณฑ์ด้วย...”
“พี่แจฮยอนนี่... เก่งจังเลยนะฮะ”
โดยองอดไม่ได้ที่จะชื่นชมคนพี่ คนๆนี้เก่งและเพียบพร้อมไปเสียทุกด้าน ไม่ว่าด้านไหนก็ไร้ซึ่งที่ติ...
เหมือนกับ...
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ว่าแต่โดยองสนใจชิ้นไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า...”
“โดยองว่าชิ้นนี้สวยดี”
โดยองเอ่ยพร้อมหยิบของบางอย่างที่เป็นเหมือนเครื่องประดับในสมัยโบราณที่ดูจากลักษณะแล้วดูเหมือนปิ่นปักผม... มันสวยมากจริงๆ และโดยองเห็นแล้วก็รู้สึกทั้งชอบทั้งคุ้นเคยอย่างประหลาด...
“โอเค งั้นชิ้นนี้เนอะ...”
ใช้เวลาเกือบทั้งวันในการทำงานนี้... แน่นอนว่าไม่มีคำว่าง่ายเลยสักนิด ถ้าหากโดยองไม่มีแจฮยอนคอยช่วยแล้วท่าทางเขาต้องไปไม่ถูกและงงกว่าเดิมแน่ๆ...
เผลอแป๊บเดียวก็6โมงเย็นแล้ว....
โดยองยังคงขะมักเขม้นตั้งใจพิมพ์รายงานในจอแมคบุ๊คของตน ในขณะที่แจฮยอนเองก็ช่วยเขาเรียบเรียงการพิมพ์ไปด้วย...
“พี่แจฮยอนฮะ กี่โมงแล้ว?”
“6โมงแล้วครับ”
“ห๊า!!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นโดยองจึงรีบกดเซฟงานแล้วปิดแมคบุ๊คทันที เขาไม่รู้เลยนะเนี่ยว่ามันเย็นมากขนาดนี้แล้วให้ตายสิ...
เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งพี่กงมยอง โทรหาเขากันเกือบ20สาย...
“จะกลับแล้วเหรอครับ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”
โดยองพยักหน้ารับ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวออกจากบ้าน จู่ๆฝนก็ตกลงมา แล้วท่าทางจะตกหนักด้วย
อาจเป็นเพราะพวกเขาอยู่แต่ในบ้านจึงไม่รู้ว่าท้องฟ้าเริ่มครึ้มๆมาตั้งแต่เมื่อ4โมง....
“โดยองรีบหรือเปล่า”
“ไม่ฮะ ไม่รีบเลย”
“ถ้ายังไงก็อยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวถ้าฝนหยุดตกแล้วพี่ไปส่ง”
“ฮะ...”
นอกจากฝนจะตกหนักแล้วฟ้าก็ดันร้องอีกต่างหาก โดยองเกลียดเวลาที่ฝนตกแล้วฟ้าร้องที่สุด..
เป็นเวลาชั่วโมงกว่าแล้วฝนก็ไม่มีท่าทีจะหยุดตก แน่นอนว่าการขับรถในขณะที่ฝนตกหนักเช่นนี้มันเป็นเรื่องอันตรายเกินไป....
“คืนนี้ฝนก็คงจะไม่หยุดตกง่ายๆ ถ้ายังไงคืนนี้โดยองก็ค้างที่บ้านพี่ก่อนก็ได้นะครับ...”
สุดท้าย...แล้ว เพราะทางเลือกที่มีไม่ม่ากในตอนนี้ทำให้โดยองต้องตัดสินใจส่งไลน์ไปบอกครอบครัวว่าวันนี้คงไม่กลับบ้านและจะนอนค้างที่บ้านของพี่รหัส....
..................................................................
สำหรับในค่ำคืนนี้ ฝนที่เทลงมาจากท้องฟ้านั้นไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตกเลยเสียด้วยซ้ำ...อากาศนั้นก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆเช่นกัน....
โดยองที่ตอนนี้ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ ตอนนี้ได้แต่นั่งเฉยๆอยู่บนเตียงกว้างในห้องของรุ่นพี่...
เหตุที่โดยองนั้นจำต้องอยู่ห้องนี้ก็เพราะว่าที่บ้านหลังนี้ ห้องพ่อแม่ของแจฮยอนได้ถูกล็อคไว้ก่อนที่ท่านทั้งสองนั้นจะออกจากบ้านไป ส่วนห้องรับแขกก็ไม่ได้ทำความสะอาดเอาไว้เพราะไม่ได้เตรียมการไว้ให้ใครมานอนค้าง ซึ่งเรื่องนี้โดยองก็เข้าใจดีเพราะเขาก็ไม่ได้ตั้งใจว่าตัวเองจะต้องมานอนค้างที่บ้านพี่รหัสเหมือนกัน....
และด้วยสาเหตุต่างๆนานาพวกนี้เขาจึงได้มานั่งอยู่บนเตียงของแจฮยอนแบบนี้ยังไงล่ะ....
‘แกร๊ก...’
เสียงเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมร่างของรุ่นพี่หนุ่มในชุดเสื้อยืดสีดำและกางเกงขายาวธรรมดาๆเตรียมพร้อมสำหรับนอน แม้จะเพิ่งอาบน้ำและสระผมเสร็จใหม่ๆ แต่ความดูดีของเขาก็ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิด...
“น้องโดยองจะอาบน้ำเลยมั้ยครับ”
คนเป็นพี่เอ่ยถามในขณะที่ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กในมือเช็ดผมที่เปียกไปด้วยน้ำ...
“เอ่อ...คือว่า”
โดยองไม่ได้เอาเสื้อผ้ามานี่...แล้วเขาจะอาบน้ำได้อย่างไรกัน...
“ยืมเสื้อผ้าพี่ใส่ก่อนก็ได้ครับ”
เหมือนแจฮยอนจะรู้ว่าโดยองนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเพียงยิ้มบางๆก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าของตนเพื่อที่จะหาชุดที่คิดว่าโดยองจะใส่ได้...
ขนาดตัวของเขาและโดยองค่อนข้างต่างกัน เสื้อผ้าของแจฮยอนตัวใหญ่ หากไปอยู่บนร่างของโดยองมันคงจะหลวมไม่น้อยเลยทีเดียว...
“นี่ครับ...”
แจฮยอนหยิบเสื้อและกางเกงของเขาจากในตู้เสื้อผ้าที่คิดว่ามันตัวเล็กที่สุดมาให้โดยอง น้องรับของในมือเขาเอาไว้
“ขอบคุณฮะพี่แจฮยอน งั้น..เดี๋ยวโดยองไปอาบน้ำก่อน...”
“ครับ..”
โดยองใช้เวลาส่วนตัวในห้องน้ำเกือบจะ20นาที ที่จริงเขาไม่ใช่คนที่อาบน้ำช้าขนาดนั้นหรอก โดยองก็แค่ไม่อยากจะออกไปในเวลานี้...และถ้าหากว่าท้องฟ้าไม่เริ่มร้องเสียงดังเกินไปเสียก่อน เขาคงได้อยู่ในห้องน้ำห้องแจฮยอนนานกว่านี้แน่ๆ...
จนกระทั่งโดยองแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกมาเขาก็พบว่าตอนนี้แจฮยอนนั้นกำลังทำบางอย่างอยู่...
ร่างสูงของพี่รหัสกำลังจัดการขนผ้าห่มออกมาปูไว้ข้างๆเตียงเป็นที่นอนเพื่อสำหรับนอนเอง...
“พี่แจฮยอน...ทำไรฮะ?”
ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าอีกคนนั้นกำลังทำสิ่งใดอยู่แต่โดยองก็เลือกที่จะถามออกไปอีกรอบอยู่ดี...
“พี่กำลังจะนอนครับ เราล่ะจะนอนหรือยัง?”
แจฮยอนเอ่ยพร้อมทิ้งตัวลงนอนที่กองผ้าห่มที่เพิ่งจะปูบนพื้นด้านล่างเสร็จ พร้อมส่งยิ้มมาให้โดยอง
“พี่แจฮยอนจะนอนพื้นนี่เหรอ ไม่เอาหรอก พี่ขึ้นไปนอนบนเตียงของพี่เถอะฮะ เดี๋ยวโดยองนอนนี่เอง”
โดยองเอ่ยในขณะที่คนฟังส่ายหน้าไปมา โดยองยู่หน้าด้วยความขัดใจ จริงๆแล้วมันควรเป็นเขาสิที่ต้องนอนพื้น จะให้เจ้าของห้องเจ้าของห้องมานอนพื้นแล้วให้เขาไปนอนบนเตียงได้อย่างไรกัน...
“ไม่ครับ..”
แจฮอยนเอ่ยตอบพร้อมยิ้มหน้าตาย ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาทำท่าทางเหมือนจะล้มตัวนอน
“ไม่เอา! ถ้าพี่แจฮยอนไม่ขึ้นไปนอนบนเตียงนะ โดยองจะนั่งอยู่ตรงนี้แบบนี้แหละ”
โดยองเอ่ยน้ำเสียงดื้อรั้นก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นที่ถูกปูด้วยผ้าห่มผืนหนาข้างๆคนพี่....
เสื้อยืดตัวใหญ่กว่าไซส์บนร่างบางล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงเผยให้เห็นไหล่ขาวเนียน...โดยที่โดยองไม่ทันระมัดระวังตัวเอง
“น้องโดยองไปนอนข้างบนเตียงเถอะนะ นอนข้างล่างเดี๋ยวปวดหลังเอา”
“ไม่! พี่แจฮยอนนั่นแหละไปนอนบนเตียง”
คิม โดยองบทจะพูดง่ายก็น่ารัก บทจะดื้อก็น่าจับมาตีก้นเหมือนกันแฮะ... แจฮยอนได้แต่คิดคนเดียวในใจ คนน้องกอดอกหันหน้าหนี แล้วก็ยังไม่ยอมขึ้นไปนอนข้างบนเตียงอีกต่างหาก
“ดื้อ...”
แค่คำเดียวสั้นๆทำเอาโดยองหูผึ่งทันที เขาหันขวับมาหาคนพูดอย่างแจฮยอนพร้อมทำหน้าบึ้งใส่...
ตั้งแต่รู้จักกันมาแจฮยอนเคยว่าโดยองที่ไหนกัน...
“พี่แจฮยอนว่าโดยองดื้อเหรอ?”
“ครับ...”
“ฮื้อ!!! อย่ามาว่าโดยองดื้อนะ”
คิม โดยองไม่ชอบให้ใครมาว่าๆตัวเองดื้อ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือกระทั่งพี่กงมยอง โดยองมักแสดงท่าทีไม่พอใจแบบนี้เสมอ...
แต่สำหรับแจฮยอนแล้ว โดยองไม่ได้แสดงอาการก้าวร้าว อาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงงอแงไม่พอใจแบบนี้มันน่าแกล้งต่อมากกว่าอีก...
“ก็โดยองดื้อนี่ครับ”
“ดื้อครับ...ดื้อมากๆด้วย...”
“โดยองไม่ได้ดื้อนะ!”
“ดื้อ ดื้อ ดื้อ อ่ะ!”
นับเป็นเรื่องที่ทำให้แจฮยอนตกใจมากๆ เมื่อจู่ๆโดยองก็พุ่งเข้ามาใช้มือปิดปากเขาเอาไว้ ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเขาและคนน้องห่างกันเพียงแค่ไม่ถึงคืบ...
โดยองเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นทำอะไรลงไปเช่นกัน เขากก็แค่ไม่พอใจที่แจฮยอนเอาแต่พูดว่าเขาดื้อก็เท่านั้น ไม่พอใจจนต้องทำแบบนี้...
“อย่าว่าโดยองดื้ออีกนะฮะ...”
‘เปรี้ยง!!’
“อ๊ะ!!!!”
เสียงฟ้าผ่าเสียงดังนั้นทำให้โดยองตกใจเป็นอย่างมาก ร่างบางโผเข้ากอดคนตรงหน้าทันที...
แจฮยอนไม่ได้เอ่ยสิ่งได้ออกมา แต่ร่างกายของโดยองที่สั่นไหวด้วยความกลัวนั้นทำให้เขาเลือกที่จะกอดคนน้องตอบพลางลูบเรือนผมนุ่มอย่างปลอบโยน...
“น้อง..น้องกลัว...”
สรรพนามแปลกใหม่ที่แจฮยอนไม่เคยฟังถูกเอ่ยขึ้น พร้อมกับความเปียกชื้นที่เนินไหล่กว้าง โดยองกอดแจฮยอนแน่นพร้อมซุกใบหน้าที่ไหล่ของเขา แล้วยังร้องไห้ด้วย...
“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่นี่กับโดยองนะ...”
โดยองกอดแจฮยอนแนบแน่นอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งเสียงฟ้าในยามฝนตกค่อยๆเบาลงถึงได้ผละออกมา... ดวงตากลมสวยเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา แล้วโดยองก็ก็ต้องได้รับความตกใจอีกครากับสิ่งที่เขากำลังมองเห็น..
“!!!!!”
คนที่เขากอดก็คือแจฮยอน...แจฮยอนที่ดูไม่เหมือนแจฮยอนในตอนนี้ ร่างสูงในชุดเกาหลีโบราณ ทั้งที่เมื่อครู่นี้ยังใส่ชุดธรรมดาทำให้โดยองต้องพยายามขยี้ตาซ้ำๆ เพื่อดูให้แน่ชัดว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป...หรือคิดไปเอง...
องค์ชายรัชทายาทแห่งโครยอ....
คนที่เขาเฝ้าฝันถึงทุกคืน... คนที่เป็นคนรักของเขาเมื่อชาติที่แล้ว...คนที่เหมือนกับแจฮยอนในทุกๆอย่างจนน่าตกใจ...
หรือว่า...ในตอนนี้...โดยองกำลังฝันไปกันแน่..
แต่ความรู้สึกทุกอย่างมันบอกกับเขาว่าทุกอย่างที่กำลังเกิด และทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมามันเป็นเรื่องจริง และมันเป็นเช่นนี้ก็เพราะโชคชะตา...
ความรัก....
ความคิดถึง....
ความโหยหา....
และความต้องการ....
คือสิ่งที่โดยองนั้นกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้....
ถ้าหากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้นั้นมันเป็นเพียงแค่ความฝัน หากแม้ว่าเลือกได้...คิม โดยองก็ไม่อยากจะตื่นเลยสักนิด..
“องค์ชาย...องค์ชาย...”
คิม โดยองเอ่ยเรียกหาคนตรงหน้าเสียงแผ่วเบา และน้ำตาตอนนี้กำลังจะเอ่อล้นข้นมาอีกครั้ง...
“จำข้าได้แล้วใช่หรือไม่....ดงยอง...”
ยิ่งถูกเอ่ยเรียกด้วยชื่อนี้ โดยองก็รีบพยักหน้ารับทันที น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ในที่สุดก็ไหลออกมา โดยองกอดคนตรงหน้าอีกครั้งพร้อมร้องไห้ ราวกับกลัวว่าเขานั้นจะหายไป...เขาเชื่อว่าสิ่งที่กำลังเห็นไม่ใช่ภาพลวงตา...
“ข้า...ฮึก...ข้าคิดถึงท่าน คิดถึงท่านเหลือเกิน..ฮือ...”
“ข้าก็คิดถึงเจ้า...ยอดดวงใจของข้า...”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นคนทั้งสองคนรู้ตัวทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น มันก็เป็นเรื่องจริงของโชคชะตา แม้ว่าจะไม่น่าเกิดขึ้นได้กับชีวิตคนเรา...
แต่...มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว...
โดยองผละใบหน้ามามองอีกคนที่กำลังกอดเขา...
เขาอยากมองหน้าอีกคนชัดๆ อยากมองแบบนี้และไม่อยากให้หายไป...ไม่อยากให้ทุกอย่างเป็นเพียงฝัน...
เนิ่นนาน...กระทั่งใบหน้าของคนสองคนค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันตามแรงดึงดูดแห่งความถวิลหาซึ่งกันและกัน... ร่างกายแนบชิด...ริมฝีปากที่สัมผัสกันอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป...
ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากแล้วค่อยๆเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กด้านในอย่างย่ามใจ...ซึ่งคนถูกลุกล้ำก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี...
ร่างกายบางถูกโน้มลงไปยังหมอนใบนิ่ม จนแผ่นหลังสัมผัสพื้นผ่านผ้าห่มถูกปู....
จูบอันดูดดื่มและลึกซึ้งทำให้หัวใจของคนสองคนพองโตและเต้นแรงระรัวอย่างห้ามไม่ได้...
แต่สุดท้ายคนด้านบนก็ต้องยอมผละริมฝีปากออกมาจนได้....
เพราะคิม โดยองนั้นหลับไปแล้ว....
หลังจากเรื่องเมื่อครู่จบลง แจฮยอนตัดสินใจอุ้มร่างบางที่หลับสนิทด้วยแขนทั้งสองข้างให้ขึ้นมานอนข้างบนเตียงดีๆ ก่อนจะจัดแจงห่มผ้าห่มให้อย่างดี...
ฝนข้างนอกยังคงไม่ยอมหยุดตกแม้จะไม่ได้ตกหนักแล้วก็ตาม แต่นี่มันก็ดึกมากแล้ว และที่สำคัญโดยองก็หลับไปแล้วด้วย....
แจฮยอนมองใบหน้าหวานด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าคนน้องเบาๆ...
เรื่องเมื่อครู่ที่ได้เกิดขึ้น แจฮยอนรู้ตัวทุกอย่าง และรู้ตัวมาตลอด...ในเรื่องของโชคชะตาที่ถูกกำหนดขึ้น...
เขาไม่รู้ว่าโดยองรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่...แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริง...เขารักโดยอง รักมาตลอด รักตั้งแต่ที่ยังไม่เคยพบเจอ...
จนกระทั่งวันที่ได้พบกับโดยอง เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าเขารักคนๆนี้มากเหลือเกิน...มันเป็นความรักที่มีมาตลอดตั้งแต่เมื่อภพที่แล้ว...
และแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ปัจจุบันก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุดอยู่ดี...
แจฮยอนไม่รู้ว่าถ้าตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างจะยังเหมือนเดิมมั้ย....แต่เขาเชื่อว่าความรักและความจริงใจของเขาที่มีต่อโดยอง ทั้งชาตินี้และชาติที่แล้ว มันจะช่วยฝ่าฟันทุกๆอย่างได้...
จมูกโด่งกดลงบนหน้าผากเนียนของคนตัวเล็กที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง แจฮยอนยิ้มบางๆ ก่อนจะตัดสินใจทิ้งตัวนอนลงบนพื้นด้านล่างที่ถูกปูด้วยผ่าห่มตามที่ตั้งใจแต่ตอนแรก...
.........................................................
6.00 AM.
ในยามเช้าที่อากาศค่อนข้างเย็นเป็นเพราะว่าเมื่อคืนนี้ฝนตกลงมาหนักมาก.... สายลมด้านนอกพัดเอื่อยๆและมีน้ำค้างประปรายตามใบไม้...
โดยองลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นก็คือเพดาน ดวงตากลมเสมองไปรอบๆและข้างๆก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงกว้าง..
เขายังคงอยู่ในห้องของแจฮยอน...
“.....”
โดยองลุกขึ้นนั่งดึงผ้าห่มผืนหนาออกจากร่างกาย เขามองไปยังพื้นด้านล่างก็เห็นว่าเจ้าของห้องนอนอยู่...
ให้ตายสิแย่ชะมัดเลย...นอนข้างล่างอากาศคงจะเย็นแล้วก็คงต้องปวดหลังแย่แน่ๆ...
แต่แล้ว..พลันทันใดหัวสมองเจ้ากรรมก็ดันคิดไปถึงเหตุการณ์บางอย่างเมื่อคืน...
เหตุการณ์ที่จำได้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อได้นึกถึง...แล้วเมื่อนึกถึงก็ชวนทำให้หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเช่นกัน...
โดยองเอามือทาบที่แก้มอันร้อนผ่าวของตัวเอง ไม่บอกก็รู้ว่าในตอนนี้มันคงต้องแดงมากแน่ๆ
ปลายนิ้วเรียวค่อยๆเลื่อนมาแตะเบาๆที่ริมฝีปากของตัวเอง...
สัมผัสร้อนผ่าวเมื่อคืนยังคงตราตรึง และโดยองยังรู้สึกได้...พลางหันไปมองคนที่นอนอยู่บนพื้นได้ล่างก็พาลอยากจะมุดผ้าห่มให้รู้แล้วรู้รอด...
โดยองเป็นคนเริ่มทุกอย่าง เป็นคนกอดพี่แจฮยอน และเป็นคนที่จูบอีกคนอย่างเต็มใจไม่ได้ขัดขืนใดๆ...
แล้วเหตุการณ์ที่สำคัญกว่านั้นล่ะ....
“ข้า...ฮึก...ข้าคิดถึงท่าน คิดถึงท่านเหลือเกิน..ฮือ...”
“ข้าก็คิดถึงเจ้า...ยอดดวงใจของข้า...”
ถึงแม้ว่าจะไม่น่าเชื่อสักนิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นคือเรื่องจริง...แต่ว่ามันก็เกิดขึ้นไปแล้วและมันก็คือเรื่องจริง...
โดยองไม่เคยเชื่อเรื่องภพชาติ...ภาพในฝันทุกอย่างที่ผ่านมาเขาคิดมาตลอดว่าเป็นเรื่องบังเอิญไม่ก็การคิดไปเอง..
แต่สำหรับโดยองในตอนนี้แล้ว...เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริงอีกต่อไป...
ชาติที่แล้วระหว่างเขาและแจฮยอนมันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง...ถึงจะไปออกคนอื่นจะไม่มีใครเชื่อ แต่คนที่รู้ดีอยู่แก่ใจก็มีเพียงแค่เขาและแจฮยอนเท่านั้น....
โดยองตัดสินใจค่อยๆก้าวลงไปยังพื้นด้านล่างตรงที่คนพี่นอนอยู่...เขาพยายามทำทุกอย่างให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
ร่างบางนั่งลงข้างๆผู้ชายที่ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ในขณะเดียวกัน มือเรียวก็ค่อยๆจัดการห่มผ้าห่มให้อีกคนนอนสบายมากยิ่งขึ้น...
“อื้อ...”
คนยังไม่ตื่นส่งเสียงงืมงำในคอขณะที่ยังหลับตาอยู่...ดวงตากลมยังคงเพ่งพิศใบหน้าหล่อเหล่าของคนที่นอนอยู่อย่างพินิจ...
ในว่าจะเป็นในตอนปัจจุบันนี้...หรือว่าจะเป็นภาพที่โดยองเห็นเมื่อคืน หรือแม้กระทั่งในฝันก็ตาม..
แจฮยอนหรือองค์ชายยุนโอนั้นก็ยังคงเหมือนเดิมทุกสิ่งอย่าง ดูสูงส่ง สง่างามไม่เปลี่ยนแปลง...
แม้ดวงตาจะยังไม่ลืมขึ้นแต่ก็ดูดีและดูรับกับใบหน้า จมูกและริมฝีปาก...ทุกอย่างที่เป็นคนๆนี้นั้นราวกับถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากพระเจ้าเลย...
มือเรียวค่อยๆเลื่อนสัมผัสใบหน้าหล่อแผ่วเบา...
โดยองรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักชายตรงหน้า...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
ตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยองรู้ตัวตลอดว่าเขารู้สึกใจเต้นแรงกับคนๆนี้ ที่ต้องทำเป็นว่าไม่รู้สึกอะไรเพราะถูกเตนล์และเวนดี้ล้อต่างหาก..ไหนจะพี่ชายตัวแสบขี้แกล้งอีก...เลยจำต้องทนเก็บอาการทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในใจ..
กว่าจะหลุดพ้นจากความกลัวเรื่องราวที่เหลือเชื่อเหล่านี้ได้...มันก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน..
ต่อไปนี้โดยองจะกล้า...กล้าที่จะแสดงออกทุกอย่างออกไป เพราะในเมื่อเขาและแจฮยอนต่างก็รู้ซึ่งกันและกันว่าระหว่างเราอะไรเป็นอะไร..
คนที่นอนอยู่ยังคงไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมา โดยองยังคงฉวยโอกาศใช้ฝ่ามือค่อยๆไล้ไปตามใบหน้าของอีกคน
ก่อนความเผลอใจ จะทำให้โดยองใจกล้ากระทำบางสิ่งบางอย่างลงไป...
กลีบปากบางค่อยๆทาบทาบลงไปที่ริมฝีปากของคนที่ยังไม่รู้สึกตัวตื่น ...
โดยองกำลังจูบแจฮยอน...และเขาคิดว่าอีกคนคงไม่รู้ตัวเพราะยังไม่ตื่นจากห้วงนิทรา...
แต่แล้ว...
“อื้อ!!!”
ร่างของโดยองจู่ๆก็ถูกพลิกลงไปนอนด้านล่างแทน และกำแพงมนุษย์ร่างใหญ่ที่กำลังกักกั้นเขาคือแจฮยอน....
“อึก..อื้อ...”
เมื่อถูกบดจูบจนหายใจแทบไม่ทัน โดยองส่งเสียงอื้ออึงร้องห้ามในขณะที่มือก็กำเสื้อของแจฮยอนแน่น...
ดวงตากลมหลับตาพริมรับสัมผัส...ในขณะเดียวกันแจฮยอนก็ใช้มือประครองกรอบหน้าหวานรับสัมผัสอันดูดดื่มจากเขา...
จนกระทั่งเขาผละริมฝีปากออกมาจ้องตากัน ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่ออีกครั้ง...
“แอบลับหลับพี่เหรอครับ?”
“ไม่ใช่นะ!”
คนขี้โวยวายเรียบเถียงเสียงแข็งทันที และนั่นทำให้แจฮญอนเผยรอยยิ้มออกมาทันที...ยังจะเถียงอีก ก็ในเมื่อคนที่ถูกจูบก่อนเมื่อกี้นี้มันคือเขาไม่ใช่หรือไง...
“ไม่ใช่ แล้วเมื่อกี้กระต่ายที่ไหนจูบพี่เหรอ?”
กระต่ายที่ไหนเล่า...คนต่างหาก...
โดยองเถียงในใจพลางพองลมเข้าแก้มสองข้าง พยายามดันกำแพงมนุษย์แจฮยอนออกไปแต่ไม่สำเร็จ...
“โดยอง...เรื่องเมื่อคืน..โดยองจำได้หรือเปล่า...”
แต่เขาก็ถูกดักไว้ก่อนด้วยคำถาม...คำถามที่ชวนให้ใบหน้าร้อนอีกแล้วแหละ....
ทีแรกเห็นโดยองนิ่งไปแจฮยอนก็อดใจเสียนิดหน่อยไม่ได้...แต่พอไม่กี่วิต่อมาโดยองพยักหน้า หัวใจของแจฮยอนที่เกือบจะเหี่ยวเฉาก็พองโตขึ้นมาทันที...
“โดยองจำได้...คิก...”
“ขำอะไรครับ?”
“ไม่รู้สิฮะ....ทุกอย่างมันไม่น่าเชื่อเลย แล้วมันก็เหมือนความฝันด้วย...”
“แล้วโดยองคิดยังไงกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นครับ...”
โดยองนิ่งไปอีกแล้ว ถ้าหากว่าถามว่าคิดยังไงที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาล่ะก็นะ...
“โดยองรู้สึก...”
มือเรียวจบมือหนาของคนพี่มาวางบนอกข้างซ้ายของตนเอง สิ่งเล็กที่อยู่ข้างในมันกำลังเต้นระรัว...และนี่คือความรู้สึกทุกอย่างของโดยอง...
แจฮยอนเองก็ไม่ยอมให้คนน้องทำเช่นนั้นฝ่ายเดียว เขาจับมือเรียวมาวางบนอกข้างซ้ายของตัวเองเช่นกัน..
หัวใจของเราสองคนเหมือนกำลังแข่งกันเต้น....
“คบกับพี่...”
“?”
“ไม่ต้องตอบตกลงเพราะเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้ว”
“....”
“ตอบตามความรู้สึกมี ถ้าตกลงก็ตกลง ถ้าไม่ก็ไม่...”
ถึงแม้จะใจกล้าที่จะขอ แต่คนขออย่างแจฮยอนก็อดกลัวไม่ได้สำหรับคำตอบ...ถ้าหากไม่เป็นอย่างที่หวังคงเจ็บน่าดูเลยนะ...
โดยองเผยรอยยิ้มบางๆก็จะจูบเบาๆที่ข้างแก้มของเขา...ทุกอย่างที่เป็นแจฮยอนเหมือนยาเสพติด...เพราะทำให้เขาต้องการและขาดไม่ได้...ไม่รู้ว่าเพราะอะไร...หรือเพราะโชคชะตาที่ลิขิตมาอีกนั่นแหละ...
“ฮะ...โดยองตกลง..”
ยามเช้าของวันนี้ช่างเป็นเช้าที่ดีที่สุดเท่าที่เคยตื่นมาพบเจอ...และในวันต่อๆไปมันจะต้องดียิ่งขึ้นแน่นอน...
อดีตที่ผ่านมาเราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก...มีเพียงปัจจุบันที่จะต้องทำให้ดีที่สุด...และอนาคตที่จะถูกกำหนดโดยปัจจุบันว่าจะทำให้มันเป็นอย่างไร...
แจฮยอนคิดว่าเขาคงจะต้องทำวันนี้ให้ทุกอย่างนั้นดีที่สุด เพื่อความรักที่เขาปรารถนามานาน...และเขาคงต้องขอบคุณฟ้าที่บันดาลให้เขาได้พบโดยองอีกครั้ง...
END